JKS

JKS

2012-09-24

[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Geun Suk) ประสบความสำเร็จในทัวร์คอนเสิร์ต ‘The Cri Show 2′ ที่ประเทศญี่ปุ่น

[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Geun Suk) ประสบความสำเร็จในทัวร์คอนเสิร์ต ‘The Cri Show 2′ ที่ประเทศญี่ปุ่น
Cr. jangkeunsukthailand

เมื่อเร็วๆ นี้ จางกึนซอก (Jang Keun Suk) ได้พบปะกับแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นของเขามากกว่า 36,000 คน

จางกึนซอกได้เดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อร่วมงานคอนเสิร์ต ‘The Cri Show 2′ โดยเริ่มต้นเปิดการแสดงมาตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน เป็นเวลากว่า 8 คืน 9 วัน

ตั๋วมากกว่า 36,000 ที่นั่ง จากคอนเสิร์ต 4 รอบ ได้ถูกเปิดการแสดงขึ้นที่เมืองโอซาก้า ในวันที่ 14 และ 15 กันยายน ที่เมืองนาโกย่า ในวันที่ 19 และ 20 กันยายน ต่างถูกขายหมดทุกที่นั่ง

นับตั้งแต่ที่จางกึนซอกเริ่มต้นโชว์การแสดงของเขาในงานคอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ คอของเขายังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามจางกึนซอกก็ทำอย่างเต็มความสามารถของเขาเพื่อโชว์ที่ดีที่สุดสำหรับแฟนคลับชาวญี่ปุ่น

นอกจากนั้นแฟนๆ ยังได้ทำเซอร์ไพรส์ให้กับจางกึนซอก ที่คอนเสิร์ตในเมืองนาโกย่าซึ่งตรงกับวันเกิดนับตามทางจันทรคติ โดยในวันที่ 19 กันยายน แฟนๆ ได้สร้างความประทับใจให้กับจางกึนซอกด้วยการร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้กับเขาในงานวันนั้น

อนึ่ง จางกึนซอกเตรียมเปิดการแสดงคอนเสิร์ต ‘The Cri Show 2′ ที่เมืองฟูคูโอกะ ในวันที่ 6 และ 7 ตุลาคมนี้

ข้อมูลจาก www.popcornfor2.com

2012-09-21

[บทความ] ตามติดชีวิตในกองถ่ายของ JKS ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานโดย Cri-J2-2

[บทความ] ตามติดชีวิตในกองถ่ายของ JKS ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานโดย Cri-J2-2
Cr. jangkeunsukthailand

ช่วงเวลาที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ คือช่วงเวลาที่ JKS กำลังถ่ายทำอยู่

07.00 น. การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า จำได้ว่าจางกึนซ็อกถ่ายทำอยู่จนถึง 04.20 น. ของเช้ามืดวันนี้ เขากลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบกลับมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อทำผม ใบหน้าและดวงตาของเขายังบวมๆ อยู่เลย เขากินยาบางอย่าง ระหว่างที่แต่งหน้าอยู่นั้น เขาไม่ลืมที่จะอวดเคส iPod ที่แฟนคลับทำมามอบให้เขาให้นักข่าวดูด้วย

10.00 น. พวกเขาพากันไปที่ฮงแด เขากินยาอีกนิดหน่อยระหว่างที่รอการถ่ายทำ เขาหยิบเม็ดยาเข้าปากและเตรียมพร้อมที่จะเริ่มถ่ายทำ ในตอนนั้น เขาได้รับหนังสือภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีเขาปรากฎอยู่ในนั้นด้วย

12.00 น. รอคอยการถ่ายทำอีกครั้งหนึ่ง เขาพักผ่อนอยู่บนเตียงนอน

14.00 น. ในช่วงบ่าย เขาอ่านบทอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งและถ่ายทำในฉากต่อไป กึนซ็อกเปลี่ยนชุดเร็วมาก พอพวกเราถามเขาว่าทำไม เขาบอกว่าเพื่อช่วยย่นระยะเวลาในการรอคอยของทีมงานซึ่งจะช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยของทีมงานลงได้ “ถ้าผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว มันก็จะเป็นการช่วยพวกเขา” แต่จริงๆ แล้ว ความเหน็ดเหนื่อยของเขาต่างหากที่มาถึงขีดสุด

17.00 น. เขาบอกว่าอยากจะสังเคราะห์แสง เลยเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อดื่มน้ำ ระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังถ่ายทำ เขานั่งคอยอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง

19.00 น. เป็นฉากที่จุนทะเลาะกับแม่ของเขา เพื่อเป็นการให้เกียรตินักแสดงรุ่นพี่ เขาจะไม่ยอมให้เกิดการเทคเพราะเขาโดยเด็ดขาด เขาจึงค่อนข้างมีสมาธิ ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดไปเลยทีเดียว

19.59 น. เป็นเพราะไข้ขึ้น เขาจึงรู้สึกหนาว เลยเข้าไปนอนพักอยู่ใต้ผ้าห่ม

21.00 น. เป็นการถ่ายทำฉากในร้านขายของชำ เป็นเพราะจางกึนซ็อกที่ทำให้การจราจรในย่านฮงแดติดขัด สถานการณ์ของเขาเริ่มแย่ลง เขาเริ่มมีเหงื่อออก

22.00 น. ถึงแม้จะป่วย แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะทำหน้าทะเล้นแหย่นักข่าว เขาอุทิศตัวเองเพื่อคนอื่นเสมอ

22.30 น. เขาจับหน้าตัวเอง แลดูไม่ค่อยพอใจการแสดงของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงขอเทคใหม่อีกหน ถึงผู้กำกับจะบอกว่า “โอเค” แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะเทคใหม่อีกรอบ เขาช่างเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

23.57 น. เสร็จสิ้นการถ่ายทำที่ฮงแด เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งและมันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาคอยนักแสดงรุ่นพี่ เขาเริ่มเล่นบนเตียงเพื่อที่จะทำให้ตัวเองหายง่วง

01.00 น. ตีหนึ่งแล้ว เขาท่องบทอย่างจริงจังอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดการเทคในฉากที่ต้องแสดงร่วมกับนักแสดงรุ่นพี่

02.00 น. เขาเริ่มหิว จึงกินแซนด์วิช เขาบอกว่าอยากจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์และทำการย่อยอาหาร เขาจึงออกกำลังกาย เขาชอบ “ตะโกน” เพื่อกำจัดความเหนื่อยล้า

03.13 น. เขาทำท่าทางในทำนอง “เข้ามากอดผมสิ” เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศในกองถ่ายโดยการทำตัวตลกๆ

03.15 น. เริ่มการถ่ายทำกันต่อ แต่เพราะเขาไม่ค่อยสบาย เลยทำให้ต้องแต่งหน้าใหม่ ไม่มีเวลาให้ผิวได้พักผ่อนเลย

03.45 น. สุดหล่อจางกึนซ็อกในชุดเท่ห์ๆ กลับมาที่ไวท์การ์เด้นเพื่อถ่ายทำต่อจนถึง 04.43 น....... เราสัมผัสได้ถึงสปิริตในการเป็นนักแสดงของเขา

05.27 น. การถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว !!!

แต่ต่อจากนั้นอีก 4 ชั่วโมง การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง !!!


Credit: Neineilove weibo

Chinese Translation by Neineilove
English Translation by Sarah Ye, Hazy Lee from ECI
Thai Translation by Kate K-Gang
www.jangkeunsukthailand.com

[News] Jang Keun Suk successfully completes his Japanese concert.

[News] Jang Keun Suk successfully completes his Japanese concert.

Cr. en.korea

Actor Jang Keun Suk recently made over 36,000 Japanese fans wild with excitement.

Jang flew to Japan on September 13 to hold ‘The Cri Show 2′ starting on Septmeber 14 for eight nights and nine days.

Over 36,000 tickets for four concerts, which were held in Osaka on September 14 and 15 and in Nagoya on September 19 and 20, sold out in total.

Since Jang gave live performances throughout all his concerts during the Asian tour, his throat was not feeling very well. Jang, however, did his best to make the concerts perfect for the Japanese fans.

His fans also held a surprise event for Jang. At the Nagoya concert on his lunar birthday, September 19, the fans impressed Jang by singing a birthday song.

After giving an encore at the second concert in Nagoya, Jang completed his four Japanese concerts by thanking his fans.

Jang will also hold ‘The Cri Show 2′ in Fukuoka on October 6 and 7.


[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Keun Suk) เปิดการแข่งกีฬาเอาใจทีมงานคอนเสิร์ต

[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Keun Suk) เปิดการแข่งกีฬาเอาใจทีมงานคอนเสิร์ต 
Cr. PINGBOOK ENTERTAINMENT - http://www.pingbook.com

หลังจากปิดฉาก '2012 Jang Keun Suk Asia Tour THE CRI SHOW 2' ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 กันยายน จางกึนซอก ร่วมกับทีมงานที่ทำงานกันอย่างหนักกว่า 100 คน ได้จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬา ณ Osaka J Green Sakai & Dream camp โดยจางกึนซอกยังได้ออกไอเดียด้วยตนเองไปจนถึงการเตรียมเงินรางวัลช่วยกระตุ้นการแข่งให้ร้อนแรงได้มากยิ่งขึ้น

ตะกร้อ, ขว้างบอล, ชักคะเย่อ, ฟุตบอล, วิ่งสามขา, วิ่งผลัด 200 ม. ล้วนเป็นเกมการแข่งกีฬาที่เตรียมความสนุกเอาไว้ตลอดระยะเวลากว่า 4 ชั่วโมง ด้านจางกึนซอกเองก็ได้เข้าร่วมแข่งขันในทีมต่างๆอย่างครบถ้วนด้วยเช่นกัน

แม้ว่าจางกึนซอกจะมีสภาพเสียงไม่พร้อมมาตั้งแต่การทัวร์คอนเสิร์ตเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา แต่เขาก็ได้ทุ่มเทการแสดงอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นการร้องและการเต้น นอกจากนี้เขายังได้ลงไปจากเวทีเพื่อมอบแฟนเซอร์วิสให้กับแฟนๆ ช่วยเพิ่มการตอบรับที่ร้อนแรงเป็นอย่างดี

ในคอนเสิร์ตที่นาโกยาซึ่งตรงกับวันเกิดตามปฏิทินจัทรคติของจางกึนซอก ทำให้เขาได้รับการอวยพรด้วยเพลงวันเกิดจากแฟนๆช่วยสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในช่วงโชว์อังกอร์วันที่สองในนาโกยา แม้ว่าโชว์จะจบลงไปแล้ว แต่จางกึนซอกก็ได้กลับขึ้นมาบนเวทีพร้อมกล่าวขอบคุณแฟนๆ ก่อนปิดฉากโชว์ 4 รอบทั้งในโอซาก้าและนาโกโย่ลงไปด้วยความประทับใจ
อนึ่ง '2012 Jang Keun Suk Asia Tour THE CRI SHOW 2' เตรียมจัดที่ฟุกุโอกะในวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้



2012-09-19

[ข่าว]จางกึนซอก (Jang Keun Suk) เผยภาพแฟชั่นท่องเที่ยวปารีส

[ข่าว]จางกึนซอก (Jang Keun Suk) เผยภาพแฟชั่นท่องเที่ยวปารีส
Cr. jangkeunsukthailand
จางกึนซอก นักแสดงที่มีสไตล์อันโดดเด่นจนได้รับความรักจากแฟนๆทั่วโลก ได้ปรากฏตัวในนิตยสาร BAZAAR พร้อมเผยภาพการท่องเที่ยวในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาได้ถ่ายทำภาพโดยใช้บรรยากาศในเมืองที่เต็มไปด้วยสัมผัสทางอารมณ์ โดยภาพทั้งหมด 16 หน้าเตรียมเผยผ่าน 'BAZAAR' เดือนตุลาคมนี้
ในแฟชั่นเซ็ตนี้จางกึนซอกสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ Burberry, TOZ เผยเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัวช่วยเพิ่มความสุดยอดให้กับงานชุดนี้ได้มากยิ่งขึ้น เขายังได้เลือกเทรนช์โค้ท, Blouson, แจ็คเก็ต พร้อมอวดสไตล์คลาสิคแคชวลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิสระ นับเป็นภาพลักษณ์ที่หลากหลายของนักแสดงมากความสามารถที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทีมงานเปิดเผยว่างานนี้ได้ถ่ายทำกันเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา แม้ว่าก่อนเริ่มถ่ายอากาศจะค่อนข้างเลวร้าย แต่เมื่อถึงช่วงเช้าจางกึนซอกก็ได้เริ่มทำงานพร้อมกับภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความร่าเริง ในขณะที่แฟนคลับที่ได้ต้อนรับจางกึนซอกอย่างอบอุ่น เขาก็ได้ตอบแทนแฟนๆด้วยความยินดีในแบบของเขาเอง เผยภาพลักษณ์ในแบบมืออาชีพที่ทำให้ทีมงานต่างชื่นชมกันไปตามกัน
พบกับจางกึนซอกใน BAZAAR เดือนตุลาคมนี้
ที่มา : PINGBOOK ENTERTAINMENT - http://www.pingbook.com/

2012-09-12

[แปลบทความ] นักแสดงหนุ่มที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ – จางกึนซ็อก

[แปลบทความ] นักแสดงหนุ่มที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ – จางกึนซ็อก
Cr. jangkeunsukthailand

จางกึนซ็อก – ไม่มีใครสามารถแทนที่บทบาทของเขาได้นอกจากตัวเขาเอง


[ผลงานที่ผ่านมา]

Is good to live like this?, Love Rain (KBS2), You’re My Pet (2011), Mary Stayed All Night Out (KBS2, 2010), You Are Beautiful (SBS, 2009), The Case of Itaewon Homicide (2009), Beethoven Virus (MBC, 2008), Baby & Me (2008), Doremifasolatido (2008), Hong Gi Dong (KBS2, 2008), Long Wait of 24 Months (2008), Happy Life (2007), Huang Jin Yi(KBS2, 2006), One Missed Final Call (2006), Alien Same (2006), Lovers In Prague (2005), Nonstop4 (MBC, 2003), Owls Museum (KBS2, 2003), Daemong (SBS, 2002), Orange (SBS, 2002), Ten Lucks in My Life (EBS, 2002), Fairy Keommi ( KBS 2001), The Reign of Women (SBS, 2001), An Encounter (SBS, 1999), Hugs (SBS, 1998), Happiness For Sale (HBS, 1997)


คนส่วนมากรู้สึกผิดหวังกับ You’re My Pet (ต่อจากนี้จะเรียกว่า YMP)หรือ Love Rain

มันอาจเกิดขึ้นได้ แต่นั่นเป็นการประเมินผลงานที่เสร็จสิ้นไปแล้ว และไม่อาจใช้ประเมินตัวตนของจางกึนซ็อกได้

นอกเหนือจากจางกึนซ็อกแล้ว ยังมีใครอีกเหรอในเกาหลีที่อยู่ในช่วงอายุ 20 กว่าๆ แล้วสามารถแสดงบทอินโฮใน YMP ได้? ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อที่จะทำให้จีอึน (รับบทโดยคิมฮานึล) เจ้านายของเขามีความสุข อินโฮได้แสดงความสามารถและความน่ารักทั้งหมดของเขา เหมือนอยู่ในการแข่งขันเพื่ออวดเสน่ห์ของคุณออกมา

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จางกึนซ็อกซะหน่อย มันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกเหนือจากขายจางกึนซ็อก 

แล้ว Love Rain ล่ะ? เพื่อแสดงให้เห็นถึงเรื่องราวความรักในยุค 1970 ละครทีวีเรื่องนี้สร้างขึ้นราวกับว่าพวกเราได้ย้อนยุคกลับไปในปี 1970 จริงๆ แต่นั่นแหล่ะคือปัญหา การสวมบทบาทที่ทำให้คนทั่วไปขนลุก จางกึนซ็อกได้ทำหน้าที่ในการแสดงของเขาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว


โดยบุคลิกลักษณะ จางกึนซ็อกมีความแตกต่างจากนักแสดงเกาหลีส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก


ด้วยเหตุนี้ บางครั้งอาจไม่เพียงพอที่จะกล่าวถึงเขาแค่ในฐานะ “นักแสดง” ตามปกติแล้ว นักแสดงมักจะแสดงไปตามบทบาทมากกว่าที่จะเป็นตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้ากล้อง เพราะนั่นคือวิธีการทำการแสดงของพวกเขา แต่จางกึนซ็อกนั้นต่างออกไป เขาไม่เพียงแต่ชอบทำการแสดงเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้องเท่านั้น แต่ยังชอบแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาด้วย การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างอิสระระหว่างการแสดงและตัวตนที่แท้จริง เป็นความสามารถพิเศษของจางกึนซ็อก

เขาเป็นนักแสดง “อาวุโส” ด้วยประสบการณ์การแสดงยาวนานกว่า 15 ปี ลองย้อนกลับไปดูละครที่เขาเล่นสิ : Hwang Jin Yi, Beethoven Virus, You’re Beautiful และภาพยนตร์ Happy Life, The Case of Itaewon Homicide เขาไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่กับบทบาทใดบทบาทหนึ่งเท่านั้น ไม่มีบทบาทไหนที่เขาแสดงซ้ำกันเลย และเขาก็ทำแต่ละบทบาทเหล่านั้นออกมาได้ดีเสียด้วย

ในขณะที่สังคมของคนเกาหลีถือว่าการถ่อมเนื้อถ่อมตัวคือสิ่งที่ถูกต้อง เขาเป็นคนหนึ่งและเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงต้องการจะทำตัวอิสระในที่สาธารณะ ซึ่งบางทีก็เป็นการเอาแต่ใจ และบางทีก็ดูเป็นเด็กๆ

เขาไม่ได้เสแสร้งที่จะเป็นผู้ชายแมนๆ ไม่ได้เสแสร้งที่จะมีความคิดโน่นนี่มากมาย เขาก็แค่แสดงออกมาตามที่เขาต้องการและทำให้มันเกิดขึ้น แม้ว่าจะอยู่ภายใต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์และการโต้แย้ง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ณ จุดนี้ จางกึนซ็อกกำลังเดินอยู่บนทางที่ไม่มีนักแสดงหน้าไหนในประเทศนี้ทำได้ เขากล่าวไว้ว่า “นักแสดงชายส่วนใหญ่ในประเทศของเราเป็นแบบผู้ชายแมนๆ ซึ่งผมไม่อยากถูกจำกัดในเรื่องนี้ ถ้าผมเปิดหนทางใหม่ๆ ก็จะต้องมีใครบางคนทำตามผมใช่มั๊ย?” นี่คือสิ่งที่ดาราคุณภาพควรจะเป็น

ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้ จางกึนซ็อกได้แสดงบทบาทที่ไม่มีใครสามารถเล่นบทนั้นได้นอกจากเขาเหมือนที่เขาเล่นเป็นอินโฮในเรื่อง YMP แล้วได้รับการรับรองว่างานประสบความสำเร็จ ประกายแห่งการเป็นดาราที่มีคุณภาพและทรงอิทธิพลของเขาก็จะเจิดจรัสออกมา



2012-09-10

[บทความ] จางกึนซ็อกในสายตาของผม

[แปลบทความ] จางกึนซ็อกในสายตาของผม
Cr. jangkeunsukthailand


จางกึนซ็อกในสายตาของผม – เขียนขึ้นหลังจากงาน Cri Show ที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2555

วันที่ 11 ส.ค. 2555 เวลา 19.30 น. Jang Keun Suk Cri Show II ที่ Mercedes-Benz Arena ต้องขอบคุณบริษัท Tong Yi Orange Juice Enterprise ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะในฐานะผู้สนับสนุนงาน Cri Show II ผมจึงได้มีโอกาสเข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ในฐานะหนึ่งในทีมงาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้สัมผัสประสบการณ์ไปพร้อมกับเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ของจาง
กึนซ็อก

ก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับน้ำส้ม Tong Yi ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับข่าวของจางกึนซ็อก แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้เข้าใจถึงบุคลิกที่จริงใจ น่ารัก ตรงไปตรงมา ง่ายๆ และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเขา ที่คอนเสิร์ตในวันนี้ ผมได้เห็นจางกึนซ็อกคนที่มองมุมบวก ทำงานหนัก เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ และต่อสู้กับหนทางของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นทีละก้าวๆ


1. ทำความรู้จักจางกึนซ็อก

1. การถ่ายทำโฆษณา – เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ทะเล้น

แม้ว่าผมจะไม่ได้โชคดีที่ได้ร่วมงานกับจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองสำหรับการถ่ายทำโฆษณาในครั้งนี้ แต่ทีมงานหลายๆ คนที่มีส่วนร่วมได้แชร์ประสบการณ์ของพวกเขา ซึ่งผมขอสรุปตามนี้ละกัน :
เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากๆ ไม่ได้มี “จริตของนักแสดง” เหมือนคนอื่นๆ ในระหว่างการถ่ายทำนั้น เขามีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาไม่ได้รู้สึกลำบากใจแม้ว่าเขาจะต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นเพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น จริงๆ แล้ว เขายืนยันที่จะถ่ายฉากสุดท้ายให้สมบูรณ์ที่สุด ความขี้เล่นและความตรงไปตรงมาของเขาทำให้บรรยากาศและทุกคนรอบตัวเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข เขาช่างมีวุฒิภาวะจริงๆ ในช่วงของการถ่ายภาพนิ่ง เขาก็แสดงออกมาอย่างเต็มที่ อันที่จริง ผมแอบได้ยินผู้จัดการ “ถอนหายใจ” ขณะที่เลือกรูปจากงานครั้งนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกรูปไหนดี จางกึนซ็อกแสดงออกมาได้ดีทุกภาพ ในทางกลับกัน ความสงบเสงี่ยมของปาร์คมินยองอาจทำให้ดูเคร่งขรึมนิดหน่อย (แต่เธอก็ถ่ายช็อตน่ารักๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะ!) และเป็นเพราะความแตกต่างกันนี้ ทำให้ท่าทางของจางกึนซ็อกออกจะ “ล้นๆ” โดยเฉพาะเวลาที่จับให้เขาอยู่ข้างๆ ปาร์คมินยอง ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ถ่ายภาพได้เยอะ ทำให้มีรูปถ่ายเพียงพอที่จะอัดออกมาใช้งาน


2. งานแถลงข่าว Tong Yi – พลังแห่งการกอดของเขา

จางกึนซอกและปาร์คมินยองเปิดตัวในฐานะพรีเซนเตอร์ของสินค้านี้อย่างเป็นทางการที่งานแถลงข่าวในกรุงปักกิ่ง พวกเราได้เตรียมการจัดระเบียบให้แฟนคลับบางส่วนได้มีส่วนร่วมกับนักแสดงทั้งสองบนเวที

แฟนคลับผู้โชคดีสองคนได้รับการคัดเลือกจากจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองตามลำดับ ในช่วงนี้ พวกเขาได้รับเชิญให้ขึ้นไปอยู่บนเวทีกับไอดอลของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แฟนคลับทั้งสองหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อความโชคดีเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

ในช่วงต่อมา มีแฟนคลับที่พิเศษมากๆ อีกสองคน เป็นคุณป้าวัย 53 ปี และเด็กอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นแฟนคลับที่อายุน้อยที่สุด (แฟนคลับอายุ 12 ปีผู้นี้ใช้เวลาหามรุ่งหามค่ำเขียนจดหมายที่ยาวมาก ทำให้สัมผัสได้ถึงการแสดงความรักที่มีต่อปาร์คมินยองผ่านทางตัวอักษร เธอขอร้องไม่ให้พวกเราตัดสิทธิ์เธอจากการเข้าคัดเลือกครั้งนี้เพียงเพราะว่าอายุของเธอ จดหมายฉบับนี้กินใจพวกเราเป็นอย่างมาก และเธอก็มาร่วมงานนี้กับผู้ปกครอง) การแสดงออกของแฟนคลับทั้งสองคนนี้แสดงให้เห็นถึงระดับความนิยมที่มีต่อจางกึนซ็อกและปาร์คมินยอง

“หนีห่าว”(สวัสดี!) จางกึนซ็อกทักทายแฟนคลับทั้งสองคนในภาษาแมนดารินที่เขาเพิ่งเรียนมาสดๆ ร้อนๆ และเขาก็ยังมอบกอดอันแสนอบอุ่นให้กับพวกเขา คุณจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความน่าหลงใหลของเขาผ่านอ้อมกอดอันแข็งแรงที่เขามอบให้ ตลอดช่วงเวลานี้นักแสดงทั้งสองสุภาพมากๆ ผู้ชมที่มางานนี้ต่างหัวเราะกันไม่หยุดและทักทายนักแสดงทั้งสองอย่างจริงใจ เปรียบเทียบกันระหว่างสองคนนี้ ปาร์คมินยองดูจะสงวนท่าทีอยู่บ้าง เธอค่อนข้างสุภาพมากกว่าในการมอบกอดให้กับบรรดาแฟนคลับเมื่อเทียบกับกอดอันอบอุ่นของจางกึนซ็อก ในช่วงสุดท้ายของงาน พวกเขาได้ถ่ายรูปร่วมกันและปรินซ์ของเราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างสูงอีกเช่นเคย


3. Happy Camp ของจางกึนซ็อก – ความซื่อสัตย์และความโด่งดังของปรินซ์

จางกึนซ็อกแสดงความขี้เล่นของเขาให้พวกเราเห็นผ่านรายการ Happy Camp ฉากที่ผมประทับใจที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกล้มกลิ้งลงไปนอนบนพื้นหลังจากที่เขา “เนรมิต” ฟองยักษ์ขึ้นมา ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมต้องบอกว่าคุณชายรูปหล่อคนนี้น่ารักมากๆ O(∩_∩)O! ที่ลืมไม่ได้ก็คือท่าเต้นเฉพาะตัวของเขา – วางมือขวาลงบนพื้น กางขาออกแล้วโยกสะโพกขึ้นลง ทุกคนไม่สามารถกลั้นหัวเราะให้กับความทะลึ่งของเขาได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหัวเราะให้กับความทะลึ่งและขี้เล่นของตัวเองทั้งๆ ที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง คุณจะถูกดึงดูดใจไปกับความร่าเริงของเขาอย่างแน่นอน อย่างตอนที่ Ho Ling หยิบขวดน้ำส้ม Tong Yi (ที่ไม่มีฉลาก) ออกมา สุดหล่อจางก็ชี้ไปที่ขวดและพูดออกมาด้วยความใสซื่อทันทีว่า “น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!” ทุกคนต่างตกตะลึงที่เขาสามารถจำเครื่องดื่มที่ไม่มีฉลากได้! เขาเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ – เห็นผลิตภัณฑ์ปุ๊บก็พูดสโลแกนออกมาทันที ดูจะเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเขา
จากรายงานเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน – การปรากฎตัวเป็นพิเศษครั้งแรกของจางกึนซ็อกในรายการ Happy Camp มีเรตติ้งสูงกว่าพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีนักแสดงจากนานาประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 400 คน ด้วยเรตติ้งจากผู้เข้าชมรายการ 2.54% และเรตติ้งจากผู้ชมทางทีวี 6.49% (สถิติการสำรวจอย่างเป็นทางการของ CNS Chinese Media) รายการ Happy Camp ที่มาพร้อมกับจางกึนซ็อก กลายเป็นผู้ชนะ! เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 จางกึนซ็อกมาเป็นแขกรับเชิญที่ Wiebo เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษกับแฟนๆ ของเขาเกี่ยวกับงาน Cri Show II 2012 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ในวันที่ 11 สิงหาคม และจางกึนซ็อกก็สามารถทำลายสถิติได้อีกครั้ง เพราะในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงของการถาม-ตอบแบบสั้นๆ มีคำถามถามเข้ามามากถึง 420,000 คำถาม เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่พิสูจน์ความโด่งดังของจางกึนซ็อก


4. ทำตัวเหมือนผู้หญิง

ผมรู้ว่าคนรอบๆ ตัวผมและผู้คนอีกมากมายที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาดูแต๋วมาก หรือไม่ก็โฉ่งฉ่างมาก บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจากภาพที่เห็นเขาเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่ผมอยากจะให้ความเห็นสัก 2 ข้อ :
1. ลึกๆ ในตัวของจางกึนซ็อก เขาไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน เขามีแต่ความใสซื่อเหมือนเด็กๆ
2. จางกึนซ็อกไม่ได้ดูเป็นแต๋ว จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนที่หล่อจนดูเหมือนสวย
ระหว่างการสนทนาผ่านทาง Weibo เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม มีคนถามถึงความปรารถนาที่ยังไม่สมหวังของเขา เขาตอบอย่างขี้เล่นว่า “ห้องอาบน้ำหญิง” ชาวเน็ตคนหนึ่งถามเขาว่าเขาอยากจะไปที่ไหนถ้าหากมีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ จางกึนซ็อกตอบกลับทันทีว่า “กลับไปตอนที่ผมอายุ 4 ขวบ ผมจะเข้าไปห้องอาบน้ำหญิง! ฮ่า ฮ่า!” ต่อเนื่องกับเรื่องนี้ ชาวเน็ตบางคนเลยแนะนำให้จางกึนซ็อกแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วเข้าไปห้องอาบน้ำหญิงซะเลย เพราะเขาหน้าสวยอยู่แล้ว จางกึนซ็อกตอกกลับไปว่า “มีบางอย่างที่ดูเหมือนพวกคุณจะยังไม่เข้าใจนะ ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง!” เราจะเห็นถึงความขี้เล่นในการตอบคำถามของเขาและในขณะเดียวกันก็ยังสร้างอารมณ์ขันให้แก่ปลาไหลด้วย (เครดิต http://www.sina.com.cn)



2. การแสดงสด Cri Show


1. วิธีการสื่อสาร: อย่าถ่ายรูปนะ มองมาที่นัยน์ตาของผม

สืบเนื่องจากประเด็นการถ่ายภาพของบรรดาแฟนคลับในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา จางกึนซ็อกได้สื่อสารด้วยความจริงใจซึ่งเป็นอะไรที่โดนใจมากๆ เขาบอกแฟนคลับของเขาว่าถ้าแฟนคลับอยากจะถ่ายรูปของเขาจริงๆ นั้น เขาก็จะไม่ห้าม แต่เขาก็หวังที่จะได้สบตาแฟนๆ เพื่อสื่อสารกันทางสายตา เขากล่าวว่า เขาชอบความรู้สึกเวลาที่ได้สบตาคนอื่น เขาอยากให้แฟนๆ ของเขาใช้ตาในการจ้องดู ใช้หูในการฟัง ใช้ใจในการรู้สึก และไม่ยุ่งอยู่แต่กับการถ่ายรูป เพราะนั่นจะเป็นการละเลยตัวจริงที่จับต้องได้ของจางกึนซ็อก เป็นการทำลายบรรยากาศแห่งความสุขและลดความสนุกในโลกของความจริงไปด้วย

วิธีการสื่อสารกับแฟนๆ ของจางกึนซ็อกที่คอนเสิร์ตนั้นโดนใจผมมากๆ ผมสามารถสัมผัสได้ว่าเขาทำด้วยความจริงใจจริงๆ หวังว่าสักวันหนึ่ง ภาษาแมนดารินของเขาจะคล่องพอที่จะไม่ต้องใช้ล่ามและสามารถสื่อสารได้โดยตรงกับแฟนๆ ของเขา เมื่อถึงตอนนั้นปลาไหลทั้งหลายคงโชคดี! วันนั้นคงจะมาถึงและคุ้มค่าแก่การรอคอย! ในทำนองเดียวกัน เคยมีศิลปินหลายคนที่ขอร้องให้แฟนๆ งดถ่ายภาพในคอนเสิร์ต อย่างเช่น Soda Green และ Wallace Chung


2. วิธีการสื่อสาร: ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าตามรถ สัญญานะ

สืบเนื่องจากกระแสการเช่ารถและไล่ตามศิลปินของบรรดาแฟนคลับ จางกึนซ็อกจึงได้พยายามสื่อสารไปยังทุกคนในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา เขาวอนทุกคนไม่ไห้ตามรถของเขาในระยะประชิด เพราะมันอันตรายมาก เขาพยายามที่จะสอนและบอกปลาไหลให้มีเหตุผล เขาเตือนให้ต่อต้านการกระทำของปลาไหลที่เป็นการรักอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งสูญเสียสำนึกของความมีเหตุมีผล ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และเป็นเหตุให้คนอื่นต้องลำบากไปด้วย เขาได้ทำสัญญากับแฟนๆ ของเขาในงาน Cri Show เขาพยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ให้เห็นภาพ เขาบอกกับแฟนๆ ว่าถ้าพวกเขายังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เขาอาจจะไม่สามารถกลับมาที่ประเทศจีนได้อีก เขาจึงขอร้องแฟนๆ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น

แต่ถึงกระนั้น จากข้อมูลใน weibo ของจางกึนซ็อกและฟีดแบคจากบรรดาแฟนคลับ แฟนๆ จำนวนมากยังคงตามติดรถของเขา ซึ่งเมื่อคืนนี้ ซาแซงเหล่านั้นตามหลังเขาไปติดๆ ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังตามไปถึงที่ที่จางกึนซ็อกและทีมงานทานข้าวกัน และเพื่อความปลอดภัย พวกเขาเกือบจะถูกขอร้องให้ออกจากร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทานข้าวด้วยซ้ำ จางกึนซ็อกได้โพสต์รูปที่มีไฟหน้ารถส่องตรงมาที่เขาซึ่งส่งผลต่อการขับรถของพวกเขา ในที่สุด จางกึนซ็อกก็ลบโพสต์ของเขาใน Weibo ออกไปเกือบสิบโพสต์ เหตุการณ์นี้ไม่ได้จบลงด้วยดีแต่อย่างใด ถึงตอนนี้ ผมอยากจะถือโอกาสให้คำแนะนำแก่แฟนคลับทั้งหลายว่าการไล่ตามไอดอลนั้นจะต้องสมเหตุสมผล สำหรับดาราอย่างจางกึนซ็อกซึ่งเกิดในปี 1987 และทำงานอย่างหนักนั้น เราก็ควรจะมอบความรักให้เขาอย่างมีเหตุผล ซึมซับแง่คิดดีๆ จากเขา เติบโตไปพร้อมๆ กับเขา นี่แหล่ะคือการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถให้เขาได้ โอ้ เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ระหว่างการแสดง Cri Show นั้นเขาพูดภาษาแมนดารินขึ้นมาว่า “อย่าละเมิดลิขสิทธิ์” ฮ่า ฮ่า เขาน่ารักจริงๆ นี่คือวิธีการที่จะสนับสนุนเขาได้เหมือนกัน!



3. ฉลองครบรอบ 20 ปี การค้นหาตัวตนที่ถูกลืม

ทั้งคอนเสิร์ตถูกสร้างขึ้นในธีมโรงละครสัตว์ภายใต้ฉากที่แตกต่างกันสามฉาก ผมจำรายละเอียดที่ชัดเจนของคอนเสิร์ตไม่ได้ แต่โดยสรุปแล้ว มันแสดงให้เห็นถึงความทรงจำที่เขาคิดถึงในวัยเด็ก เมื่อมองย้อนกลับไป จะเห็นภาพแอนิเมชั่นเป็นรูปป่า ต้นไม้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ แล้วก็ยังมีผีเสื้อและดวงดาวที่ยังคงงดงามในช่วงวัยเด็ก 20 ปีผ่านไป เขารู้สึกเสียดายที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันอาจจะบรรยายให้เห็นถึงความทรมานที่เขาต้องเผชิญในฐานะนักแสดงในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมากับวงการนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงซื่อสัตย์ เขามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการจัดคอนเสิร์ตเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา ในส่วนของอุปสรรคทางภาษา มีล่ามอยู่บนเวทีเพื่อช่วยเหลือเขาในการสื่อสารกับแฟนๆ การออกแบบทั้งหมดในคอนเสิร์ตล้วนเป็นความคิดของเขาด้วย ในความเห็นของผม ท่ามกลางนักแสดงมากมาย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีค่ามากๆ รอยยิ้มของเขายังคงเต็มไปด้วยความใสซื่อไร้เดียงสา!



4. คติพจน์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการเอาชนะตัวเอง

ผมคิดว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นการแสดงที่มีการวางแผนแบบองค์รวมมากที่สุด ด้านมืด ความชั่วร้าย และความปรารถนาของมนุษย์ถูกแสดงออกมาผ่านการเต้น ภาพแอนิเมชั่น ดนตรี และการใช้ภาพลักษณ์สีขาวและสีดำสะท้อนให้เห็นถึงด้านตรงข้ามกันของความเป็นมนุษย์ จางกึนซ็อกสีดำและจางกึนซ็อกสีขาวแสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งสองด้านของเขา จากภาพใน VTR เราจะเห็นเทพบุตรจางกึนซ็อกในชุดขาวเดินเข้าไปหากระจกวิเศษ ซึ่งภายในนั้นปรากฎภาพจางกึนซ็อกในชุดดำสะท้อนด้านมืดของตัวเขาเอง การแสดงของเขาเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ – ทั้งในยามดีและยามร้าย ตรงกลางของเวทีมีกระจกที่ดูซับซ้อนมากอันหนึ่ง ภายในนั้นมีภาพที่แตกต่างกันไป ทั้งแสงสีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทั้งเส้นคลื่นหลากหลายเส้น แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อแรงปรารถนาตามธรรมชาติของมนุษย์ ฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกใส่ชุดสีดำและถูกจับแขวนอยู่ในที่สูง ขณะที่เขากำลังดิ้นรนอยู่กลางอากาศ เขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าใยแมงมุมสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ จากภาพใน VTR เราจะเห็นฉากที่จางกึนซ็อกในชุดสีขาวตกลงมาอยู่ใยแมงมุมขนาดใหญ่เหมือนกัน

ในความคิดของผม มันสามารถตีความได้สองแบบ ใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนา ช่องว่างของความปรารถนาถูกเติมเต็มด้วยความปรารถนา ความยุติธรรมและความเลวของมนุษย์ ด้านที่สวยงามของความเมตตาและด้านมืดของความชั่วร้าย อันเป็นจุดกำเนิดของเทพบุตรและปีศาจเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งเหล่านั้น ใยแมงมุมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแรงปรารถนาถูกต้านทานโดยเทพบุตร ในทางกลับกัน ปีศาจจะถูกดึงดูดเข้าไปในใยแมงมุม ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะไปรวมกันในช่องว่างสามมิติภายในร่างกายมนุษย์และเกิดการต่อสู้กัน ถ้าเทพบุตรชุดขาวชนะ มันก็จะถอยห่างออกจากใยแมงมุม แต่ถ้าปีศาจสามารถตอบโต้เทพบุตรได้ก็จะหาทางเข้าไปใกล้ใยแมงมุมได้ แต่เราจะไม่เห็นการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย เมื่อเทพบุตรแสดงพลังงานในด้านบวก พลังงานในด้านลบของปีศาจก็จะล่าถอยออกไป ซึ่งพลังงานจะเพิ่มกำลังขึ้นอย่างเป็นอิสระต่อกัน

การตีความอีกแบบหนึ่งสามารถอธิบายได้ว่าใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยาน ร่างกายต้องการเข้าใกล้มันแต่ขึ้นอยู่กับเทพบุตรและปีศาจในตัวเรา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งด้านที่เป็นอุดมคติและความเป็นจริง ความสัมฤทธิ์ผลของอุดมคติขึ้นอยู่กับผลของการต่อสู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการตีความแบบไหน เราก็ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ เราจึงจะเป็นเจ้านายของตัวเอง!
ในฐานะไอดอลของคนวัยหนุ่มสาว ข้อความที่จางกึนซ็อกส่งถึงแฟนๆ ของเขาใน Cri Show ครั้งนี้คือการทำงานหนักและการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่ผมมีความกังวลบางอย่าง ในแง่ศิลปะ ทำให้เห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนซึ่งน่ากลัวและหดหู่ ผมเดาว่านั่นเป็นความจำเป็นในการแสดง ซึ่งผมเชื่อในความสามารถของแฟนคลับที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างพลังงานในด้านบวกและลบได้
เขาพูดถึงคอนเสิร์ต Cri Show ที่เซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ว่าเขาเป็นคนวางแผนงานด้วยตัวเอง ผมเข้าไปเสิร์ชดูใน google และพบว่าเขาได้รับรางวัลมามากมาย ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 เขาได้รับรางวัลพิเศษในงานเทศกาลหนังสั้นของญี่ปุ่น จางกึนซ็อกทำเองทั้งหมดตั้งแต่เขียนบท กำกับ ตัดต่อ และแสดงในหนังสั้น ความจริงที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนคือเขาทำงานหนักบนพื้นฐานของพรสวรรค์ในตัวเขา ผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ในอนาคต เขาจะมีการแสดงที่โดดเด่นมากกว่านี้และอุทิศตัวเองให้กับการทำงานทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องคอยติดตามสถิติแฟนคลับว่าจะทะลุ 10-20 ล้านคนหรือไม่ และคอนเสิร์ตครั้งต่อๆ ไปที่เขาจะลงมือควบคุมด้วยตัวเอง รวมถึงสถานะในการเป็น World Prince ด้วย!

5. ถ้ามียอด follower ทะลุ 20 ล้านคน ผมจะซื้อบ้านที่ประเทศจีน!

เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 Weibo ของจางกึนซ็อกทำลายสถิติมี follower ทั้งหมด 5 ล้านคน สถิตินี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ในฐานะนักแสดงต่างแดนในประเทศจีน จางกึนซ็อกกล่าว่า “ถ้ายอด follower ขยายไปถึง 10 ล้านคน ผมจะไปเต้น shuffle ที่กำแพงเมืองจีน และถ้าขยายไปถึง 20 ล้านคน ผมจะซื้อบ้านที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ผมสามารถพักอยู่ในจีนได้นานขึ้น!” คำพูดของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ของเขาเป็นอย่างมาก จางกึนซ็อกเริ่มอาชีพในปี 2001 เขาพูดในสิ่งที่เขารักจะพูด ซึ่งเขาก็อยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปีแล้ว และเขาก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยังคงทำงานหนัก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราเชื่อได้ว่าเขาจะได้รับผลตอบแทนสำหรับความพยายามของเขาอย่างแน่นอน


6. ทำงานอย่างหนักเพื่อเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?

ในตอนนี้เขาคือ Asia Prince ต่อไปจะกลายเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ? นี่คือจางกึนซ็อก “ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?” นี่คือมุมมองหนึ่งของชีวิต การทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและต่อสู้อย่างหนัก ถ้าเขาพยายามสุดความสามารถแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ แล้วไงล่ะ? สิ่งนี้ทำให้ผมคิดถึงคำพูดเก่าๆ ที่ว่า ความฝันที่ปราศจากการเย้ยหยันนั้นไม่ควรค่าแก่การจะทำให้สำเร็จ บางทีหลายๆ คนอาจคิดว่าจางกึนซ็อกคือตัวตลกที่อยากจะเป็น World Prince แล้วไงล่ะ?


7. สุดท้ายของท้ายที่สุด

ถ้าผมจำไม่ผิด ในช่วง “เพลงสุดท้าย” ของจางกึนซ็อกจบลงด้วยเพลง 4 เพลง เพลงสุดท้ายเขาเต้นไปกับทุกคนและบรรยากาศก็สนุกสุดยอด ช่างแตกต่างจากที่พวกเราไปยืนตะโกนอยู่ตรงมุมๆ แล้วส่งเสียงกรี๊ดเพื่อสร้างบรรยากาศ การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาอินไปกับบรรยากาศแห่งความสุขนี้อย่างไร และเหตุนี้สถานที่ทั้งหมดจึงดูมีชีวิตชีวา คุณจะถูกดึงดูดให้เข้าไปในสังเวียนแห่งความสุขโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! เขาเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ใส่ตัวเองเข้าไปในบรรยากาศบนเวทีอย่างเต็มที่ – ฉีดน้ำใส่ทุกคน บางทีก็โยนผ้าขนหนูที่ชุ่มเหงื่อของเขาไปให้ปลาไหล เดินไปทุกที่ของเวทีรูปตัว T คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อขอบคุณทุกคน นั่งบนลิฟท์ มอบความใกล้ชิดให้กับคนดู สลับไปมาระหว่างด้านที่ติ๊งต๊องและด้านที่อ่อนโยนของเขา เค้าโครงและเรื่องราวทั้งหมดซึ่งบางครั้งก็ใช้ต่างภาษาเพื่อสื่อสารกับทุกๆ คน และด้วยกำลังใจจากเสียงกรี๊ดของแฟนๆ เขาจึงออกมาบนเวทีและเริ่มแสดงอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกเตรียมมาอย่างตั้งใจหรือเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ในกรณีนี้ เขาสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

และนี่คือ Jank Keun Suk Cri Show II ผมรู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้มีโอกาสร่วมอยู่ในประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครั้งนี้ และได้เขียนถ่ายทอดความคิดของผมแชร์ให้กับปลาไหลทุกคน



3. คำแนะนำถึงจางกึนซ็อก

1. เรียนภาษาแมนดารินอย่างหนัก ร้องเพลงจีน

พูดตามตรงเลย ผมไม่ใช่ปลาไหล แต่เป็นเพราะงานของผมที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับจางกึนซ็อก มีหลายเพลงในคอนเสิร์ตที่ผมไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผมชื่นชมเพลงเหล่านั้นเพราะท่วงทำนอง ผมรู้สึกว่าหลายเพลงในคอนเสิร์ตนี้ไม่เหมาะที่จะสร้างความตื่นเต้น เพลงส่วนใหญ่นั้นมาจากละคร ผมได้ทำการสัมภาษณ์มาบ้างและดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักเพลงที่เขาร้อง จากที่ผมรู้มา จางกึนซ็อกปล่อยอัลบั้มแรกของตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 และในวันเดียวกันนั้นก็สามารถขึ้นไปอยู่อันดับสูงสุดของ Oricon Chart และทำลายสถิติของเอเชีย ผมเลยอยากจะเห็นผลงานและเพลงที่เป็นภาษาจีนซึ่งสามารถร้องตามได้อย่างเพลงคลาสสิคเหมือนที่ผมชอบ


2. ฝึกจังหวะการเต้น เต้นให้ดีขึ้นในอนาคต

จากที่ผมเห็นในคอนเสิร์ตสดครั้งนี้ จังหวะการเต้นของจางกึนซ็อกดูไม่ค่อยถูกหลักและธรรมดามาก ผมจึงอยากแนะนำให้เขาเรียนเต้นจากครูสอนเต้นเพื่อฝึกฝนจังหวะการเต้นที่เหมาะสมกับเขามากกว่านี้ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าปลาไหล และเป็นรางวัลให้กับปลาไหลของเขาเช่นเดียวกับการไล่ตามความฝันของเขาในวงการเพลง


3. ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ตอนนี้ผอมเกินไป

เท่าที่ผมสังเกตเห็น ขาของเขามีขนาดเล็กมากๆๆๆๆ ความผอมมากๆ แบบนี้ไม่สมส่วนกับความสูงของเขาเลย จากข้อมูลประวัติส่วนตัวของเขาใน Baidu เขาสูง 180 ซม. หนัก 63 กก. เห็นได้ชัดเลยว่าเขาผอมเอามากๆ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตแบบใกล้ๆ เขาดูไม่เหมือนคนสูงถึง 180 ซม. เลยนะ


4. ซื่อสัตย์กับตัวเองต่อไป

ผมจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเขามากเกินไปโดยปราศจากข้อเท็จจริง พูดตามตรงเลยนะ ผมยังไม่เคยดูผลงานของเขาอีกหลายชิ้น ผมเคยดูแค่ “You are beautiful” และ “Baby and I” แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสนับสนุนเขา เขาเกิดในปี 1987 Han Han [Kate’note: นักแข่งรถ นักเขียน และนักร้อง] เกิดปี 1982 Liu Xiang [Kate’s note: นักกรีฑาโอลิมปิก] เกิดปี 1983 เหล่านี้คือคนที่ประสบความสำเร็จในช่วงวัยเดียวกัน ผมชื่นชมพวกเขาในขณะเดียวกันก็ซึมซับพลังบวกจากพวกเขาเพื่อให้ตัวเองก้าวย่างสู่ความสำเร็จ มาคิดๆ ดูแล้ว คนที่ผมชอบดูเหมือนจะมีคุณลักษณะเหมือนๆ กันเลยนะ!


5. ก้าวไปข้างหน้าต่อไป

อย่าปล่อยให้พรสวรรค์ของคุณถูกระบายทิ้งไปเฉยๆ สู้ๆ! ยังมีช่องทางอีกเยอะสำหรับการพัฒนาตัวเอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หนทางข้างหน้าอาจจะยากลำบาก ดังนั้นต้องทำงานหนักต่อไปนะ!
4. โฆษณา
1. ผมรักจางกึนซ็อก ผมรักน้ำส้ม Tong Yi !
2. น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!
3. ทุกครั้งที่ผมดื่มน้ำส้ม Tong Yi ผมจะคิดถึงจางกึนซ็อก!
4. ทุกครั้งที่ผมคิดถึงจางกึนซ็อก ผมจะดื่มน้ำส้ม Tong Yi !
5. เว็บไซต์ Weibo ของ Tong Yi http://e.weibo.com/t...chengduo?type=0
ปลาไหลที่รัก ได้เวลาไปสอบแล้ว! O(∩_∩)O ฮ่า ฮ่า~

หมายเหตุ: คนที่อยากจะรู้จักจางกึนซ็อกให้มากขึ้นควรต้องอ่านบทความนี้ บุคคลที่เขียนบทความนี้ไม่ได้เป็นปลาไหล (แฟนคลับจางกึนซ็อก) และเขาก็เป็นผู้ชาย ความคิดเห็นของเขาค่อนข้างเป็นกลางในสายตาของคนที่มองจางกึนซ็อก ต้องขอขอบคุณ Wendy Yeo ที่แปลบทความดีๆ นี้ให้พวกเราได้อ่านกัน

Original article: http://blog.sina.com...d301011wiz.html
English Translation: Wendy Yeo in ECI
Thai Translation: @tikka0126+ Kate K-Gang


[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Geun Suk) "ผมนับถือ แจคกี้ ชาน เป็นอย่างมาก".


[ข่าว] จางกึนซอก (Jang Geun Suk) "ผมนับถือ แจคกี้ ชาน เป็นอย่างมาก". 
Cr. jangkeunsukthailand 

เมื่อเร็วๆนี้จางกึนซอกได้แสดงนับถือของเขาที่มีต่อ ดาราระดับโลก แจคกี้ชาน วันที่ 8 กันยายน จางกึนซอกและโกจุนฮี ได้ปรากฏตัวในรายการ Entertainment Weekly ทางช่อง KBS

ในระหว่างที่กำลังถ่ายแฟชั่น เมื่อจางกึนซอกถูกถามว่า อยากจะเป็นใครในชีวิตต่อไปของเขา เขาคิดชั่วขณะแล้วตอบว่า "แจคกี้ชาน"

เขากล่าวเพิ่มเติ่มว่า "ผมนับถือเขามากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนตัวเล็กๆแถมเป็นคนเอเชีย เขาก็ได้สร้างสไตส์ของเขาไปทั่วโลก

ผมคิดว่า ผมก็อยากจะสร้างสไตส์ของผมเองด้วยเช่นกัน" จางกึนซอกดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากโดยกล่าวว่าเขาจะเปิด dinner show ที่เกาหลีและญี่ปุ่นในเดือน พฤศจิกายนนี้

Source:en.korea.com Thai Translated by princess*lee*
www.jangkeunsukthailand.com


[News] Jang Keun Suk receives a special 20th debut anniversary present from his fans.


[News] Jang Keun Suk receives a special 20th debut anniversary present from his fans. 
Cr. en.korea 

Actor Jang Keun Suk recently received a special present from his fans for his 20th debut anniversary.

On September 10, Jang’s agency, Tree J. Company, said that Jang’s official fan club members prepared a special subway to celebrate the 20th debut anniversary.

One of the Line No. 5 trains in Seoul has been decorated with pictures of Jang since September 9.

Four different kinds of 258 advertisements were made by the fans so that many people can know that Jang has been debuted for twenty years.

The train will run Seoul for about a month until October 10. It is more meaningful because Jang’s birthday is on September 26.


The fans expressed their feelings through the advertisements. They also quoted a letter that Jang wrote for the fans and read at his Tokyo Dome concert in November of 2011.

Many people are asking the Seoul Metro Rail Transit about the Jang Keun Suk Train to see what time the train will run. People who rode the train are uploading the pictures on several online communities.

In addition, the fans did volunteer work to celebrate the big anniversary. They formed a volunteer work group to do volunteer works constantly.

Jang recently finished holding the ’2012 Jang Keun Suk Asia Tour-The Cri Show 2′ in Taiwan successfully.

He will hold more concerts in Osaka on September 14 and 15 and in Nagoya on September 19 and 20.


[News] Jang Keun Suk: “I respect Jackie Chan very much”.


[News] Jang Keun Suk: “I respect Jackie Chan very much”. 
Cr. en.korea 

Actor Jang Keun Suk recently showed respect to worldwide star Jackie Chan.

Jang and actress Go Jun Hee appeared in the September 8 episode of KBS’s Entertainment Weekly,while taking a pictorial.

When Jang was asked who does he want to be in his next life, he thought for a while and said, “Jackie Chan.”

He added, “I respect him very much. Even though he is small and Asian, he created his own style in the world. I think I have to create my own style too.”

Jang drew a lot of attention by saying that he will hold a dinner show in Korea and Japan starting in November.


2012-09-05

[News] Jang Keun Suk is puzzled: “My car has no gas”.

[News] Jang Keun Suk is puzzled: “My car has no gas”. 
Cr. en.korea 

Actor Jang Keun Suk recently showed off his cute charm.

On September 4, Jang tweeted pictures with the comment, “The look on my face in the second picture.

Ah! There is no gas.” In the pictures, Jang is talking with someone while sitting in his car.

He looks like he is puzzled about something and it drew a lot of attention.

His simple fashion style also impressed the public.

Jang is wearing a black sleeveless shirt and big framed sunglasses, which made him look chic.

People who saw the pictures responded: “What happened?” “Jang is cute.” “Your sunglasses are unique.” “Does his car really have no gas?”


[News] Jang Keun Suk and Go Jun Hee suggest clothes for this winter.

[News] Jang Keun Suk and Go Jun Hee suggest clothes for this winter. 
Cr. en.korea 

Actor Jang Keun Suk and actress Go Jun Hee recently suggested clothes for this winter. 

Currently working for the clothing brand Codes Combine as models, Jang and Go recently did a photo shoot for the winter collection of the brand.

Under the direction of photographer Jo Sun Hee and under the concept of Run Way, Jang and Go created chic looks through various poses.

The winter collection of Codes Combine includes various items, which ranges from military jackets to casual jackets for hikers.

The pictorial of Jang and Go can be seen in all stores of Codes Combine and a TV commercial of the brand.

A video of the photo shoot can also be seen on the official website of the brand and YouTube.


2012-09-04

[News] Jang Keun Suk successfully holds a concert in Taiwan.

[News] Jang Keun Suk successfully holds a concert in Taiwan. 
Cr. en.korea 

Jang Keun Suk successfully held a concert in Taiwan. Visiting Taiwan to hold a concert, the 2012 Jang Keun Suk Asian Tour: The Cri Show 2 in Taipei, on September 1, Jang was warmly received by his Taiwanese fans, proving his high popularity in Taiwan.

On August 30, Jang arrived at the Taipei Airport with his staff, which numbered around a hundred.

The airport was filled with Jang’s fans and reporters who came to see Jang.

The Taiwanese fans also said good-bye to Jang at the airport when he left Taiwan.

In a press interview, which was held on August 31 at Taipei Regent Hotel, around a hundred reporters from about 40 media sources, including Apple Daily Newspaper, The China Times, Tainan Taiwan Newspaper, TTV, and CTV attended and showed their interest in Jang.

In the interview, Jang answered to reporters’ questions about his concert in Taiwan, gave his thoughts on the 20th anniversary of his debut, and told his future plan.

He also gave the host of the interview half-moon-shaped rice cake and Korean traditional sweets and cookies as gifts, introducing Korean Thanksgiving Day.

At the concert, which was held on September 1, Jang performed his songs live, had a talk time with his fans, and held various events in appreciation of his fans’ love.

At the talk time, Jang said thank you to the Taiwanese fans for waiting for him for more than a year.

The 2012 Jang Keun Suk Asian Tour: The Cri Show 2 will be held in Osaka, Japan, on September 14 and 15, and in Nagoya, Japan, on September 19 and 20.


2012-09-03

[สัมภาษณ์] จางกึนซอก (Jang Keun Suk) in Japaneae Magazine "Hot Chili Paper"


Q: เริ่มคุยกันตั้งแต่ตอนเด็ก อนที่คุณเล่นเรื่อง "Ladyes of the palace" ดีกว่า

JKS: ตอนนั้นผมอายุ 15 ปีแล้วครับ แต่ผมเป็นดาราตั้งแต่เด็ก ผมเริ่มถ่ายแบบตั้งแต่ 6 ขวบ

ส่วนเรื่องแรกที่เล่นเป็นละครปี 1997 เรื่อง "Happiness of sale"
Q: ยังพอจำตอนที่ถ่ายทำได้มั้ย

JKS: ใน  "Ladies of the palace" เพราะเป็นวันที่หนาวมาก ผมใส่ชุดฮันบกตอนถ่ายทำแล้วก็หกล้ม ผมยัง จำได้ดีเลยครับ

Q: คุณกลัวมั้ยที่มีแต่ผู้ใหญ่ในกองถ่าย

JKS: กลัวสิครับ ผมร้องไห้เยอะเลย แต่รอบตัวผมมีแต่ผู้คนที่ใจดีกับผมมากๆ แต่เป็นเพราะผมยังเด็ก ผมยังเอาแต่เล่นสนุกแล้วก็ร้องไห้ ผมไม่เคยมีพ่อแม่ไปที่กองถ่ายด้วยเลยสักครั้ง

Q: คุณต้องอยู่ลำพังหรอ?

JKS: แม่ของผมไม่ได้ตามไปที่กองถ่ายด้วย ผมนึกขอบคุณที่แม่ทำแบบนั้น ผมไม่ชอบเลยเวลาที่พวกพ่อแม่ต้องคอยมาเอาอกเอาใจพวกสต๊าฟ '' นี่ลูกของฉัน ช่วยดูแลด้วยนะคะ" แม่อยากให้ผมแข็งแกร่ง แน่นอนที่ตอนนั้นผมร้องไห้ แต่วันนี้ผมก็ผ่านบททดสอบมาได้แล้ว

Q: ในปี 2002 คุณแสดงใน "Ladies in palace" และ "The Great Ambition" ตอนนั้นชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?

JKS: นั่นเป็นตอนที่ผมเริ่มมีผู้จัดการ ผมแสดงในโฆษณาโทรศัพท์มือถือ ผู้คนเริ่มู้จักผมมากขึ้น แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปครับ

Q: หลังจากนั้นคุณก็แสดงซิตคอมเรื่อง "Orange"?

JKS: ที่จริง "Orange" ถ่ายทำก่อน "Great Ambition" นะครับ ความทรงจำของผมก็คือมันร้อน เป็นการถ่ายทำช่วงหน้าร้อน มีฉากว่ายน้ำเยอะเลย ตอนถ่ายทำก็สนุกดีครับ เราใชเวลาถ่ายทำทั้งหมด 3 เดือน  ผมไม่มีความทรงจำอะไรกับมันมากนัก นั่นเป็นตอนที่ผมอายุ 16 ปีต่อมาผมก็ไปเรียนต่อต่างประเทศครับ

Q: คุณไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์?

JKS: ใช่ครับ ก่อนจบมัธยมต้น แม่พูดกับผมว่า " ถ้าไม่เรียนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เรียนเมื่อไหร่" แต่ตอนนั้นมันยากมากที่ผมจะไปเรียนหนังสือตามปกติ แม่บอกว่า "พอลูกพ้นวัยเรียน ตอนนั้นลูกจะอยากกลับมาเรียนอีก" ผมกับแม่ก็เลยไปนิวซีแลนด์ด้วยกัน

Q: แม่ของคุณคงพูดภาษาอังกฤษได้?

JKS: ไม่เลยครับ แม่กับผมต้องไปเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน ช่วงแรกเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ชีวิตในต่างประเทศไม่ใช่ง่ายๆ แม่เป็นผู้หญิงที่น่านับถือมากครับ

Q: ชีวิตในนิวซีแลนด์เป็นยังไงบ้าง?

JKS: ผมไม่รู้สึกกลัว ต่อให้ยืนอยู่ต่อหน้าชาวต่างชาติ คนส่วนใหญ่จะกลัว แต่ผมไม่รู้สึกกลัว ผมได้ความมั่นใจมาจากที่นั่นครับ

Q: หลังจากเรียนจบ คุณก็กลับมาแสดงใน "Nonstop 4" เด็กอายุ 17 ที่ต้องมาแสดงเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้ยินว่าคุณเป็นคนสร้างบุคลิกของตัวละครนี้ขึ้นมาเอง

JKS: ตอนที่ผมได้พบกับผู้กำกับ มบอกเขาว่า " ผมอยากเล่นเป็นนักศึกษาแพทย์" Nonstop 4" เป็นซิตคอมเรื่องราวต้องดำเนินไปตลอดเวลา แต่ที่สำคัญก็คือต้องทำให้ผู้ชมหัวเราะ

Q: แล้วคุณก็มาแสดงเรื่อง "Lovers in prague" เป็นเด็กมัธยม ซึ่งเป็นลูกชายประธานาธิบดี?

JKS: ผมอยากแสดงภาพที่แตกต่างจาก "Nonstop 4" ที่ผมจำได้ก็คือตอนที่ถ่ายทำเป็นเวลาเดียวกับการประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย (แอดมิชชั่น) ใจผมก็คิดอยู่แต่ว่า ผลจะออกมาเป็นยังไง แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ "Lovers in prague" เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนที่ผมจะอายุ 20 ปีครับ (คนเกาหลีถือว่า อายุครบ 20 ปีเป็นผู้ใหญ่)

Q: เกิดอะไรขึ้นระหว่างถ่ายทำ "Do Re Mi Fa So La Ti Do"?

JKS: บอกตามตรงนะครับ ทั้ง "Do Re Mi Fa So La Ti Do" และ "Baby and I" ไม่ใช่งานที่ผมสมัครใจทำ ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ (หัวเราะ) แต่นั่นคือความจริงครับ

Q: คุณปฏิเสธไปไม่ได้หรอ?

JKS: เพราะทางบริษัท (ตอนนั้น ซอกยังไม่ได้อยู่ในสังกัดบริษัทอื่น ยังไม่ได้เปิดบริษัทเองนะคะ) ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว จึงไม่มีทางบอกยกเลิกได้ครับ ผมไม่ชอบทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบและรู้สึกว่าไม่อยากทำ นั่นเป็นนิสัยของผม ผมไม่ใช่คนเผด็จการหรือว่าเอาแต่ใจ แต่ผมจะต้องมีใจให้กับบทนั้นด้วย ไม่งั้นผมจะไม่แน่ใจเลยว่าผลงานมันจะออกมาดี พอเสร็จงานหนึ่ง พวกเชาก็ส่งงานชิ้นต่อมาให้ผมทำเลยทั้งๆ ที่ผมยังเหนื่อยอยู่  นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกเครียด (เข้าใจเหตุผลที่ซอกเปิดบริษัทตัวเองแล้วใช่มั้ยคะ)

Q: การถ่ายทำเป็นไปด้วยดีมั้ย?

JKS: "Do Re Mi Fa So La Ti Do" มีเหตุเกิดขึ้นตลอดเวลาครับ ถ่ายไปได้สักครึ่งทาง คนที่ลงทุนก็ขอหยุดหนังเลยต้องหยุดถ่ายไปด้วย ผมก็เลยรับเล่น "Hwang Jin Yi" , "Hong Gil Dong" และ "Happy life" แล้วจู่ๆ วันหนึ่งเราก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่า "Do Re Mi Fa So La Ti Do" จะถ่ายต่อละนะ ซึ่งมันผ่านมา 2 ปีแล้ว "ไม่ว่ายังไงเราต้องถ่ายต่อให้เสร็จ" คำถามก็คือ "ทำไม" แต่มันเป็นเรื่องปกติในเกาหลีว่าคุณต้องยอมรับมันแล้วก็ถ่ายต่อให้เสร็จ โดยไม่ได้รับคำตอบว่าเพราะอะไร

Q: เรื่องราวมันน่าสนใจมากหรือว่ามความลับอะไรซ่อนอยู่?

JKS:  ดูจากบทแล้ว มันก็ไมได้แย่อะไรมากมาย  แต่ก็เหมือนกับการสร้างบ้านละครับ ต่อให้เตรียมการมาดึแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าบ้านจะออกมาดี ละครหรือ หนังก็ใช้ปรัชญาเดียวกันนั่นแหละครับ ไม่ใช่แค่บทดีอย่างเดียว นักแสดง  ผู้กำกับ  ตากล้อง ทุกอย่างต้องประสานกันเป็นอย่างดี ผลงานถึงจะออกมาดี ผมคิดว่า ผมต้องปกป้องตัวเองให้ดี (เรียกว่าเอาตัวรอดว่างั้นเถอะ) ไม่ว่าผมจะไม่เต็มใจทำงานนี้แค่ไหน แต่ผมก็ต้องแสดงให้เต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้วชื่อของผมต้องไปปรากฏอยู่บนนั้น พอคิดแบบนี้แล้ ผมพบว่ามันน่าสมเพชนะ

Q: เรื่องต่อไปก็คือ "One missed call'' งานนี้คุณได้พิจารณาบทก่อนรับงานหรือเปล่า?

JKS: AHH HAHA! ตอนนั้นผมอายุ 19 เกือบจะ 20 แล้ว ผมได้รับโทรศัพท์ชวนให้ไปออดิชั่น ตอนนั้นผมไม่ได้รับงานอะไรไว้ จึงเป็นงานที่ผมรับไว้เพราะมีโอกาสไปออดิชั่น

Q: ตอนนี้คุณยังคิดติดต่อกับ มากิ โฮริคิตะ และ เมอิสะ  คุโรก อยู่มั้ย?

JKS: เปล่าครับ  เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ที่จริงผมไม่ใช่คนประเภทที่ชอบแลกเบอร์โทรกับดาราที่ร่วมงานด้วย ทำแบบนั้นจะทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกันเกินไป ต่อให้ไม่ต้องแลกเบอร์โทร ดาราก็ยังสามารถแสดงด้วยกันได้ดี และยังให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย ถ้าหากมีการไปดื่มกินกันเป็นส่วนตัว มันจะทำให้ผมไม่อาจรักษาระยะห่างไว้ได้ ผมจึงไม่ค่อยมีเพื่อนดาราที่เป็นผู้หญิงมากนัก อ๊ะ.....นอกจากคิมฮ๊ชอลครับ (หัวเราะ)


Q: มากิ โฮริคิตะ และเมอิสะ คุโรกิ ดังมากเลยนะในตอนนี้

JKS: งานนี้ก็เหมือน "Do Re Mi Fa So La Ti Do" สำหรับผมครับ (หัวเราะ)

Q: มีความเป็นไปได้มั้ยที่คุณจะทำงานในญี่ปุ่นในอนาคต?

JKS: แน่นอนครับ ผมจะไม่ปฎิเสธแน่นอน สิ่งสำคัญเวลาเลือกงานก็คือบทครับ และสิ่งที่สำคัญพอๆ กับบทก็คือ ความรู้สึก "ฉันอยากเล่นบทนี้" หากผมถูกใจงานชิ้นนั้นต่อให้เป็นคอเมดี้ ผมจะรับเล่นทันทีครับ ผมก็ได้ยินมาว่า ผมเป็นแบบที่คนญี่ปุ่นชอบ ถ้างั้นทำไมผมจะเป็น เบยงจุน ไม่ได้ละครับ (หัวเราะอีกแล้ว)

Q: เบยงจุน คือ เป้าหมายของคุณงั้นหรือ? พวกคุณคนละสไตล์เลยนะ

JKS: เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากเป็นเบยงจุน เอ่อ....ผมพูดแบบนี้มันจะฟังแปลกๆ ไปหน่อยมั้ย ผมยอมรับนะครับว่า เบยงจุนน่ะดีจริง ผมแค่อยากให้แฟนๆ ยอมารับผมที่ความสามารถของผมมากกว่าครับ

Q: เมื่อเปรียบเทียบกับดาราเกาหลีคนอื่นแล้ว รูปร่างของกึนซอกถือว่าบอบบาง เคยคิดจะเสริมกล้ามบ้างมั้ย?

JKS: แบบนี้ผมจะสามารถสวมเสื้อผ้าแฟชั่นแบบที่ผมชอบได้ สำหรับรูปร่างแล้ว นักแสดงแต่ละคนก็มีแนวทางของตัวเองแตกต่างกันไป สำหรับผมไม่เคยคิดจะเสริมกล้าม เพราะผมไม่ชอบออกกำลังกาย

เพราะเตรียมตัวถ่ายทำหนัง "You are my pet" และเพื่อให้กับบทบาท ผมจึงต้องเริ่มออกกำลังกายบ้าง เน้นที่การเต้นบัลเล่ต์เป็นหลัก แล้วก็มีจ๊อกกิ้ง  ปั่นจักรยาน ผมไม่กลัวหรอกนะครับที่จะมีกล้าม!

ในที่สุดจางกึนซอก ก็เจองานที่ถูกใจในปี 2006 "Hwang Jin Yi" ในละครเขาแสดงเป็น คิมอึนโฮ รักแรกของ ฮวางจินยี่ ที่ฮาจีวอนแสดง ทั้งสองคนรักกันแต่ด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้ต้องจบด้วยโศกนาฎกรรม ในตอนนั้นชาวเน็ตต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป บ้างก็เป็นห่วงเรื่องช่องว่างระหว่างวัย ของฮาจีวอนกับเขา มีเสียงวิจารณ์เรื่องฝีมือการแสดงของเขาว่าอาจมีไม่มากพอ

Q: คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อบทของคุณ?

JKS: สำหรับผมแล้ว "นี่ไม่ใช่กำแพงที่กั้นขวางไม่ให้ผมข้ามไป" "ทำไมถึงเอาจางกึนซอกมาประกบคู่กับฮาจีวอน?"  สำหรับความคิดนี้ของคนอื่น ผมคิดว่า "อยากพูดอะไรก็เชิญ ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเองว่าคุณคิดผิด ผมจะทำให้พวกคุณเห็นเอง!"
เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ ตอนนั้นผมยังเด็กแล้วก็บ้า แต่เป็นเพราะความมุ่งมั้นนี้ ผมจึงตั้งใจกับบทอึนโฮเป็นพิเศษ

Q: คุณเข้าถึงจิตใจของอึนโฮได้อย่างไร?

JKS: ที่จริงตอนนั้นผมเพิ่งเลิกกับแฟนซึ่งเป็นคนที่ผมรักมาก  คนที่ขอเลิกคือเธอ และผมไม่เคยคิดอยากเลิกกับเธอจึงเฝ้าแต่ขอโทษเธอ แต่เธอก็ยังขอเลิกทั้งๆ ที่ผมทำทุกอย่างแล้ว  ผมไปหาเธอที่บ้าน  ไปรอเธอ แต่ได้เพียงคำพูดที่ว่า "อย่ารอฉันเลย" กลับมา ผมเขียนจดหมายไปหาเธอทุกวัน เธอตอบมาแค่เพียงว่า " เราหยุดแค่นี้เถอะ" สาเหตุก็คือ ผมบังเอิญพลั้งปากท้าเลิกกับเธอไปตอนที่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นเพราะผมดื้อรั้นเกินไป ผมเฝ้าแต่คิดว่าขอให้ผมแต่ได้อยุ่กับเธอ  ผมรักเธอมาก ผมอยู่โดยขาดเธอไม่ได้ แต่เธอก็ยังทิ้งผมไป  ผมเจ็บมากจนออกไปไหนมาไหนไม่ได้เป็นเดือน  กินอะไรก็ไม่ลง  เอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้าน  หมดแรงจูงใจ  หมดกำลังใจที่จะทำอะไรทั้งนั้น  น้ำหนักผมลดลงไปเยอะเลย ผมผอมมากๆ ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากๆ แล้วผมก็ได้รับบทเรื่อง "ฮวางจินยี่"

Q: คุณยังเจ็บอยู่มั้ยเมื่อนึกถึงเธอระหว่างที่ถ่ายทำ?

JKS: ตอนที่ผมแสดงเป็น อึนโฮ ผมไม่เป็นครับ แต่เมื่อผมกลายเป็นอึนโฮ ความรู้สึกนั้นก็กลับมา ตอนนั้นเป็นเพราะใจของผมเจ็บผมถึงร้องไห้ออกมาได้ ผมพยายามอ่านบทอยู่ในรถ แต่จบลงด้วยการร้องไห้ออกมา  บางครั้งผมก็เห็นใบหน้าของพี่จีวอนเป็นเธอ ผมยังอยากทำอะไรให้เธออีกมากแต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว (เป็นความรู้สึกเดียวกับ อึนโฮก่อนตาย) นี่ทำให้ความรู้สึกของผมกับ อึนโฮเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่แค่ตอนแสดงเท่านั้นนะครับ แม้แต่ตอนที่ผมกลับมาเป็นตัวเอง ผมก็ยังรู้สึกทุกข์ทรมานกับความรู้สึกนั่นอยู่อีกพักใหญ่ๆ

Q: ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็ต้องแสดง.....

JKS: มันทรมานมากเลยครับ แต่ความเจ็บปวดนั้นช่วยให้ผมแสดงได้ดีขึ้น

Q: ฉากขอแต่งงานนั่นโรแมนติคมาก คุณก็เป็นคนโรแมนติคด้วยรึเปล่า?

JKS: ที่จริงผมเองเป็นคนที่ชอบสร้างบรรยากาศโรแมนติค ผมจะเล่าให้ฟัง ผมเคยปล่อยลูกโป่งให้ลอยขึ้นในอากาศ ตอนที่เปิดท้ายรถออก โดยมีป้ายผู้ติดไว้ซึ่งเขียนไว้ว่า "ผมรักคุณ"  ผมเคยเขียนจดหมายเป็นไดอารี่ตลอด 3 เดือนแล้วก็ส่งเป็นของขวัญวันครบรอบให้กับเธอ แต่ที่โรแมนติคที่สุดที่ผมเคยทำก็คือเช่าลีมูซีนในวันครบรอบของเรา แล้วก็พาเธอนั่งชมเมืองไปรอบๆ

Q: ลีมูซีน? มันแพงมากเลยนะ

JKS: มันไม่แพงอย่างที่คิดหรอกครับ (คือมีคนแปลอีกเวอร์ชั่นออกมาว่า 2 แสน เลยคิดว่าน่าจะสมเหตุสมผลกว่า 20 ล้านมันน่าตกใจไปหน่อย) ผมต้องจ่ายไป 2 แสนวอน ไม่ใช่แค่ค่าเช่ารถนะครับ แต่ค่าจ้างคนขับด้วย หลังจากเช่ารถมา 2 ชั่วโมง เราก็ไปที่แม่น้ำฮันแล้วก็ดื่มไวน์แดงในรถด้วยกัน

Q: คุณชอบเห็นตัวเองเป็นคนโรแมนติคแบบนี้มั้ย หรือว่าชอบที่ได้เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

JKS: เอ่อ  ผมชอบตัวเองเวลาที่ได้วางแผนทำอะไรที่แปลกๆ ออกไป  เพราะทำเพื่อแฟนของผม ผมจึงทุ่มเทเต็มที่และภูมิใจกับมัน นอกจากนั้นผมว่ามันเจ๋งมากที่เราได้ทำอะไรเพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าผมชอบ เธอจริงๆไม่ใช่พูดแต่ว่า "ผมรักคุณ" เท่านั้น

Q: ยังมีอย่างอื่นที่คุณอยากลองทำอีกมั้ย

JKS: เพราะผมเป็นนักแสดง แล้วผมก็ชอบตัดต่อวีดีโอเองมากๆ ผมอยากจะเหมาโรงหนังแล้วก็เล่นวีดีโอที่ผมตัดต่อเองให้เราดูด้วยกัน นั่งกินป๊อปคอร์นกันระหว่างที่ดูวีดีโอ ต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ แต่การทำแบบนั้นต้องใช้เงินเยอะแน่ๆ เอ่อ....ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นครับ (หัวเราะ)

Q: พอมองย้อนกลับไป "Hwang Jin Yi" มีผลอย่างไรต่อจางกึนซอกบ้าง

JKS: "Hwang Jin Yi" เป็นก้าวแรกของผมสู่ความเป็นนักแสดงที่แท้จริง ผมฝันอยากเป็นนักแสดง และหลังจากแสดงเรื่องนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจว่านักแสดงจำเป็นต้องมีอะไรบ้าง เพราะผมมีประสบการณ์ความรักด้วยตัวเอง "Hwang Jin Yi" จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนอื่นแต่เป็นเรื่องราวของผมจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ประสบการณ์จริงในการแสดง จากนั้นมามุมมองของผมในเรื่องต่างๆ ก็เปลี่ยนไป จนถึงเดี๋ยวนี้ไม่ว่าผมจะไปไหนจะมีผู้จัดการไปด้วยเสมอ พอผมบ่นว่าหิว ก็จะมีคนเตรียมอาหารมาให้ผม ตอนนี้ผมอยากทำอะไรด้วยตัวเอง

เพราะว่าผมเป็นคนที่ใช้ ชีวิตอย่างสุขสบาย (มีคนทำโน่นทำนี่ให้ตลอดเวลา) ผมจะมีหน้าไปพูดถึงฝีมือการแสดงได้ยังไง ถ้าผมไม่เคยใช้ประสบการณ์จริงในการแสดงเลย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการแค่อ่านตามบที่เขาเขียนให้

เมื่อเร็วๆ นี้ผมจัดงานที่มหาวิทยาลัยฮันยาง Lounge H ผมติดต่อสปอนเซอร์ด้วยตัวเอง ผมเขียนโครงการเพื่อนำเสนอขออนุมัติด้วยตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานผมทำด้วยตัวเองทั้งหมด การได้ทำแบบนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่ผู้จัดการที่คอยใช้ชีวิตแทนผม ไม่ใช่พ่อแม่ที่คอยปิดม่านแล้วซ่อนผมไว้ตรงไหนสักแห่ง แต่เป็นตัวผมเองที่ลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และได้รับประสบการณ์จากตรงนั้น และเอาชนะความท้าทายใหม่ๆ ด้วยตัวเอง นี่จะช่วยผมได้ในอนาคตในวงการบันเทิง

Q: คุณได้รับประสบการณ์สำคัญจาก "Hwang Jin Yi"

JKS: ใช่ครับ ผมได้เข้าใจว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะต้องมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง ผมจุงไม่ค่อยชอบผู้จัดการนัก เพราะพวกเค้าคอยทำอะไรต่างๆ แทนผม ผมอยากทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง ยกเว้นการสัมภาษณ์วันนี้นะครับ

Q: หนังเรื่อง "Happy life" ซึ่งต่อจาก "Hwang Jin Yi" ก็ทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรมากมาย เท่าที่จำได้คุณเคยพูดว่า "นี่เป็นจุดพลิกผันในชีวิตของผม"

JKS: ตอนที่ผม่ถ่ายทำ "Hwang Jin Yi" ผมรู้สึกและคิดว่า "ผู้จัดการจะมาใช้ชีวิตแทนผมไม่ได้" บรรดารุ่นพี่ที่แสดงในหนังเรื่องนี้ก็รู้เช่นกัน การได้เห็นพวกเราเดินออกมาจากบ้าน นั่งลงหน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วก็พูดคุยกันจนถึงตี 4  ทำให้ผมคิดว่า " ผมก็อย่ากมีชีวิตแบบนั้นบ้าง" แต่ถ้านี่ไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆ และคนรอบตัวผมต้องการ ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรองทอง ซึ่งผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ผมอยากเป็นนกที่สามารถบินออกจากกรงไปไหนๆ ได้ ไม่ใช่ถูกกักขังไว้ข้างใน

Q: ในเรื่อง “Hong Gil Dong” คุณแสดงเป็นคนที่สะสมความแค้น ลีชางฮวี คุณเคยพูดว่า มันเป็นช่วงเวลาของไอดอล(หัวเราะ)

JKS: เพราะไม่ใช่แค่ถ่ายเรื่อง “Baby and I” ผมยังมีงานโฆษณาอีก 7 ชิ้นมันเหนื่อยมากๆ ครับแต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมก็ต้อแสดงเป็นชางฮวี

Q: คุณรู้สึกยังไงบ้างตอนรับบทชางฮวี?

JKS: อารมณ์ของละครคือความโกรธเกรี้ยว แต่ก็น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ตัวผมที่แสดงเป็นชวางฮวีที่รู้สึกว่าบทนี้ช่างน่ากลัว แต่บรรยากาศของละครทั้งเรื่องดูน่ากลัว จากที่ผมได้พูดคุยกับพี่จีฮวานและนักแสดงคนอื่นๆ เรารู้สึกแบบเดียวกัน แค่ตอนถ่ายทำก็สาหัสไม่รู้จบแล้วครับ การถ่ายทาส่วนใหญ่อยู่แถวภูเขาซึ่งหนาวมากๆ ความรู้สึกของผมกับความหนาวก็คือผมเกลียดมันมาก แถมเราต้องออกจากโซลแล้วก็กลับไปกลับมาแบบนี้ทุก 2 สัปดาห์ พอตารางงานเริ่มกระชั้น คุณต้องรีบกลับไปที่กองถ่ายหลังจากกลับบ้านมาอาบน้ำอาบท่า ถ้าขืนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอารมณ์จะยิ่งมีแต่ย่ำแย่ลง ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะครับ สต๊าฟคนอื่นๆ กับนักแสดงก็เริ่มจะทนไม่ไหวกันทุกคนบรรยากาศก็เลยยิ่งแย่ ผมถ่ายทำเรื่องนี้จนจบในสภาพแบบนั้นละครับ

Q: ต่อไปก็คือ “Beethoven Virus”

JKS: หลังจาก “Hong Gil Dong” กับ “Baby and I” ผมก็ไปพักผ่อนที่ยุโรปราวๆ 2 เดือนก่อนไปผมบอกกับผู้จัดการว่า ถ้าขืนส่งบทให้ผมระหว่างที่ผมพักผ่อน ผมจะฉีกทิ้งแล้วเผาไม่ให้เหลือซากผมไม่อยากคุยเรื่องงานในตอนนั้น อย่างที่ผมบอกไปแหละครับ ตารางงานมันแน่นมากๆ ร่างกายผมก็เริ่มหมดแรงลงทุกที เหนื่อยทั้งกายและใจเลย ผมไม่รู้ว่าจะกลับมาเกาหลีอีกมั้ย อย่ามาสนใจผมเลยจะดีกว่าผมจำได้ว่าพูดแบบนั้นออกไป.....(โหมดงอแง)
แต่ผู้จัดการของผมก็ยังส่งบทไปให้ผมทางอีเมลล์ (เออ.....มันฉีกไม่ได้....ฮ่า ฮ่า) ตอนนั้นผมพักผ่อนนอนอยู่ที่เยอรมันผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะเปิดดูก่อนลบทิ้งดีมั้ย บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่ผมจะตัดสินใจว่าควรรับงานดีมั้ยผมก็เลยเปิดอีเมลล์ดูแล้วก็อ่านบทโดยไม่ได้ลบมันทิ้ง พออ่านได้แค่ 2 ตอนผมก็ตกหลุมรักมันทันที ผมจึงโทรไปที่บริษัทแล้วบอกว่า ผมจะเล่นบทนี้

Q: ส่วนไหนที่โดนใจคุณ

JKS: เพลงในเรื่องบรรเลงโดยวงออเคสตร้า งานศิลปะชิ้นนี้เป็นผลงานของลีแจคยู แล้วยังมีรุ่นพี่คิมมยองมินเล่นด้วย ผมรู้ว่าจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะจากรุ่นพี่ แถมยังมีรุ่นพี่ลีซุนแจด้วย งานนี้สำคัญสำหรับผมมาก

Q: คุณมีความประทับใจอะไรบ้างกับคุณคิมมยองมิน

JKS: เขาเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบแต่ไม่ได้หัรั้นขนาดคังกึนวูนะครับ (ตัวละครที่คิมมยองมินเล่นในเรื่อง) ผมเป็นคนสุดท้ายที่ยืนยันการเข้าร่วมแสดงเรื่องนี้ เพราะไม่อยากทำให้รุ่นพี่ผิดหวัง ผมจึงพยายามเต็มที่  หากผมไม่หัดเล่นทรัมเป็ต คงต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ งานนี้ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างที่ถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำแม้จะแทบไม่มีเวลานอน แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าทนไม่ได้แต่อย่างใด ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะครับ ทุกคนก็มีความสุขระหว่างถ่ายทำเรื่องนี้ ซึ่งผมพบว่ามันแปลกมากๆ

Q: ทุกคนดูเข้ากันได้ดีมาก

JKS: บางทีอาจเป็นเพราะเราใช้ดนตรีเป้นธีมของเรื่อง ระหว่างที่แสดงเราอยู่กัดนตรีและผูกพันกัน ตัวโน้ตที่แตกต่างกันค่อยๆ รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้จะเป็นแค่การถ่ายทำละคร แต่พองานนี้จบลง ทุกคนต่างประทับใจและลาจากกันด้วยน้ำตา

Q: ไม่เสียใจนะที่ปฏิเสธ “Boys Over Flower” เพื่อเล่นเรื่อง “Beethoven Virus”

JKS: ผมคิดว่าเลือกถูกแล้วครับ สิ่งที่ผมจะได้จาก “Boys Over Flower” ผมก็ได้จาก “You’re Beautiful” นี่ไงครับ


Q: บทของ “You’re Beautiful” เขียนโดยพี่น้องฮงจาก “Hong Gil Dong” ?

JKS: ผมได้ยินมาว่าพวกเธอเขียนบทระหว่างที่นึกถึงผม หลังจากอ่านบทแล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่บทร่าง แต่ใจของผมเห็นภาพของมันชัดเจนเลย ผมคิดว่าผมสามารถนำเสนอภาพความน่ารักสดใสในวัย 23 ของผมผ่านละครเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ผมจึงตกลงเล่นทันที แต่ละครเรื่องนี้ก็เจอปัญหาเยอะครับ ระหว่าที่ถ่ายทำ เราเปลี่ยนบริษัทที่สร้างหลายหนเลย ผู้กำกับทั้ง 2 คนก็เป็นห่วงว่า ถ้าเกิดกึนซอกขอถอนตัวอีกคนล่ะผมบอกไปว่า ไม่มีปัญหาครับ หลังจากอ่านบทแล้ ผมวิเคราะห์ตัวละครนี้ด้วยตัวเอง ติดต่อผมมาได้เลยหากได้วันที่ถ่ายทำแน่นอนแล้ว สุดท้ายเราก็ได้เริ่มถ่ายทำในเดือน ส.ค.

Q: หลายคนพูดว่าฮวางแทคยองมีความคล้ายกับคังกึนวูที่คิมมยองมินแสดงไว้ใน “Beethoven Virus”

JKS: หลังจากได้ยินแบบนี้ ผมคงโกหกละครับหากบอกว่าผมไม่กดดันเลย เพราะแทคยองเป็นคนที่ยึดตัวเองใหญ่ แต่ผมไม่เคยใช้คังกึนวูเป็นต้นแบบเลยนะ ผมใช้บรรณาธิการใน “The Devil wears prada” มิแรนด้า (แสดงโดย เมอรีล สตรีฟ) เป็นต้นแบบครับ

Q: คุณดู “You’re BBeautiful” จบหรือยัง?

JKS: ครับ วันที่ผมได้ DVD มาผมได้ยืนยันทางโทรศัพท์ไปว่าไม่มีส่วนไหนที่ผมรู้สึกว่าควรเสียใจ เป็นเพราะคิวที่เร่งมากๆ ทำให้รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง พอเราถ่ายทำเสร็จในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็ยังมีรอถ่ายทำต่อ แต่บทยังไม่มาถึงมือเลย ทั้งนักแสดงและสต๊าฟต้องเตรียมตัวให้พร้อมรอบทที่จะมาถึง

Q: คิดว่ายังไงบ้างที่ต้องออกอากาศพร้อม “Iris”?

JKS: ผมไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรไปเพราะออกอากาศพร้อมกันครับ เพราะผมกลับมาดู “Iris” ที่หลังได้ ผมจึงไม่รู้สึกว่าต้องต่อสู้ช่วงชิงอะไร

Q: นิสัยของคุณเหมือนแทคยองมั้ย?

JKS: อืม.......ผมจะพูดยังไงดี  เวลาผมทำงาน ผมจะทนรับความผิดพลาดไม่ค่อยได้ และผมก็เป็นคนเรื่องมากจริงๆ ด้วย แต่หลังจากเสร็จงานแล้ว ผมจะขอบคุณผู้จัดการและสต๊าฟสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำ ผมอาจไม่ถึงกับต้องการให้ทุกอย่างที่ต้องการสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ผมจึงดึงดันจนถึงที่สุดพอผมเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ผมก็จะเป็นแบบนั้นอีก นั่นคือนิสัยของผมครับ

Q: สรุปแล้วฮวางแทคยองคืออะไรสำหรับคุณ?

JKS: คนที่ทำให้ชีวิตวัย 20 ของผมเจิดจรัส เป็นบทที่มีความคล้ายกับจางกึนซอกมากๆ
เพราะฮวางแทคยองได้หมดบทบาทลงแล้ว จางกึนซอกตัวป่วนจึงคอยๆ หายไป เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ “You’re My Pet” เขาจึงเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ทุกวัน
ผู้คนอาจคิดว่าเพราะไม่เห็นผมทางจอทีวี ผมคงไปเที่ยวเล่นข้างนอกอยู่ทุกวันละมั้ง แต่ความจริงแล้วทุกวันผมจอยู่ในที่ที่พวกคุณไม่เห็นผม และกำลังเรียนรู้บางอย่างอยู่อย่างจริงจัง และกำลังเพิ่มคุณค่าให้กับตัวผมเองอยู่

เขาออกจากสตูดิโอไปหลังจากฝากข้อความไว้ เพื่อรีบไปเรียนภาษาอักฤษ
สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะแสดงบทบาทของจางกึนซอก เขาให้สัญญาว่า สำหรับผลงานชิ้นต่อไป ผมจะให้ทุกคนได้เห็นภาพของผมแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

[สัมภาษณ์] จางกึนซอก (Jang Keun Suk) in Japaneae Magazine "Hot Chili Paper"
Cr. Dekde.com