[สัมภาษณ์] นิตยสาร anan 2012.10.03 (No.1825)
Cr. jangkeunsukthailand
บทสัมภาษณ์พิเศษ จางกึนซ็อก เจ้าชายแห่งโลกใบนี้
เรามาสัมภาษณ์ “World Prince” กันที่กรุงโซล! เขาน่าจะรู้สึกผ่อนคลายเพราะเป็นการให้สัมภาษณ์ในถิ่นของเขา เขาร้องเพลงให้พวกเราฟังระหว่างการถ่ายภาพนิ่งแถมยังเปิดเผยความลับอย่างหนึ่งที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย... เราประสบความสำเร็จในการสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเขาซึ่งไม่เคยแสดงออกมาตอนที่เขาอยู่โตเกียว
เป้าหมายต่อไปของผมคือการเป็น “World Prince” เมื่อผมพูดแล้ว ผมจะทำให้ความฝันของผมเป็นจริงให้ได้
การถ่ายทำครั้งนี้จัดขึ้นที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในกรุงโซล กึนซ็อกขับรถของเขามายังสถานที่ถ่ายทำด้วยตัวของเขาเอง และดูเหมือนเขาจะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าปกติ “ผมรู้สึกสบายที่สุดเวลาที่ได้ขับรถไปไหนมาไหนเองคนเดียว นอกเหนือจากนี้ ผมจะรู้สึกหมกมุ่นอยู่กับงาน การขับรถอาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอิสระโดยไม่ต้องคิดอะไร”
ประมาณ 2 ปีมาแล้วที่เขาโด่งดังสุดขีดจากซีรีส์เรื่อง ‘You are Beautiful’ หลังจากนั้นเขาก็ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ‘Love Rain’ เป็นละครเรื่องล่าสุดซึ่งเขาแสดงใน 2 บทบาท ได้แก่ อินฮา นักศึกษาศิลปะในยุค 1970 และจุน ลูกชายของอินฮาในยุคปัจจุบัน “การได้สวมบทซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในละครเรื่องเดียวกันเป็นอะไรที่สนุกมากครับ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่ผมเป็นแฟนตัวยงของละครจากค่าย ‘Color’ ของผู้กำกับยุนซ็อกโฮ ผมเลยรู้สึกดีใจมากครับที่ได้ร่วมงานกับเขา”
ความที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ละครเรื่องนี้จึงมีฉากจูบเยอะมาก “ผมดีใจมากเลยนะที่ได้ถ่ายฉากจูบเพราะผมไม่ได้จูบใครมาสักพักนึงแล้ว ฮ่าๆ ผมตื่นเต้นหรือเปล่าน่ะเหรอ? ไม่เลย เพราะผมมั่นใจไงล่ะ ฮ่าๆ แต่ผมถูกบ่นประจำแหล่ะเวลามีฉากจูบในละคร ผมอยากจะจูบอย่างอิสระมากกว่านี้แต่ผมทำไม่ได้เพราะติดเรื่องมุมกล้อง สำหรับการถ่ายฉากจูบนั้น ผมชอบถ่ายหนังมากกว่าเพราะผมสามารถจูบได้อย่างสมจริงมากกว่า! ฮ่าๆๆๆ” ... เป็นซะอย่างเงี้ยะ คำตอบสไตล์กวนๆ ของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนับจากที่เขาปรากฎตัวบนปกของเราครั้งแรกเมื่อครึ่งปีที่แล้วก็คือการสัมภาษณ์ถูกดำเนินไปในภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดอย่างไร้ที่ติ ระหว่างการถ่ายภาพ เขาสื่อสารกับช่างภาพเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขากลับพูดกับพวกเราเป็นภาษาญี่ปุ่น
การถ่ายทำครั้งนี้จัดขึ้นที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในกรุงโซล กึนซ็อกขับรถของเขามายังสถานที่ถ่ายทำด้วยตัวของเขาเอง และดูเหมือนเขาจะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าปกติ “ผมรู้สึกสบายที่สุดเวลาที่ได้ขับรถไปไหนมาไหนเองคนเดียว นอกเหนือจากนี้ ผมจะรู้สึกหมกมุ่นอยู่กับงาน การขับรถอาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอิสระโดยไม่ต้องคิดอะไร”
ประมาณ 2 ปีมาแล้วที่เขาโด่งดังสุดขีดจากซีรีส์เรื่อง ‘You are Beautiful’ หลังจากนั้นเขาก็ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ‘Love Rain’ เป็นละครเรื่องล่าสุดซึ่งเขาแสดงใน 2 บทบาท ได้แก่ อินฮา นักศึกษาศิลปะในยุค 1970 และจุน ลูกชายของอินฮาในยุคปัจจุบัน “การได้สวมบทซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในละครเรื่องเดียวกันเป็นอะไรที่สนุกมากครับ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่ผมเป็นแฟนตัวยงของละครจากค่าย ‘Color’ ของผู้กำกับยุนซ็อกโฮ ผมเลยรู้สึกดีใจมากครับที่ได้ร่วมงานกับเขา”
ความที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ละครเรื่องนี้จึงมีฉากจูบเยอะมาก “ผมดีใจมากเลยนะที่ได้ถ่ายฉากจูบเพราะผมไม่ได้จูบใครมาสักพักนึงแล้ว ฮ่าๆ ผมตื่นเต้นหรือเปล่าน่ะเหรอ? ไม่เลย เพราะผมมั่นใจไงล่ะ ฮ่าๆ แต่ผมถูกบ่นประจำแหล่ะเวลามีฉากจูบในละคร ผมอยากจะจูบอย่างอิสระมากกว่านี้แต่ผมทำไม่ได้เพราะติดเรื่องมุมกล้อง สำหรับการถ่ายฉากจูบนั้น ผมชอบถ่ายหนังมากกว่าเพราะผมสามารถจูบได้อย่างสมจริงมากกว่า! ฮ่าๆๆๆ” ... เป็นซะอย่างเงี้ยะ คำตอบสไตล์กวนๆ ของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนับจากที่เขาปรากฎตัวบนปกของเราครั้งแรกเมื่อครึ่งปีที่แล้วก็คือการสัมภาษณ์ถูกดำเนินไปในภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดอย่างไร้ที่ติ ระหว่างการถ่ายภาพ เขาสื่อสารกับช่างภาพเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขากลับพูดกับพวกเราเป็นภาษาญี่ปุ่น
ความฉลาดของเขาทำให้เราทึ่งมากจริงๆ “ผมเป็นนักแสดง แต่ผมก็เป็นนักร้องด้วย ผมคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราเข้าใจความหมายของเนื้อเพลง ดังนั้น ตราบใดที่ผมร้องเพลงภาษาญี่ปุ่น ผมก็ต้องเรียนรู้มันอย่างหนัก”
กึนซ็อกนั้นกระตือรือร้นในการเป็นนักร้องมาก ขณะนี้เขายังอยู่ระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งเขาดูแลกำกับทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตเลยทีเดียว “มันไม่ใช่นิสัยของผมที่จะทิ้งการผลิตให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น แน่นอนว่าตอนที่เล่นหนังเล่นละคร เราจำเป็นต้องสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับนักแสดงและทีมงานคนอื่นๆ แต่ตอนที่ผมอยู่บนเวทีในฐานะนักร้อง สิ่งสำคัญคือการทำสิ่งที่ผมต้องการสื่อให้เป็นรูปเป็นร่าง”
เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ผมกลายเป็นคนตาบอดในการมุ่งสู่จุดหมาย
ในปีนี้เป็นปีที่กึนซ็อกครบรอบ 20 ปีในวงการบันเทิง เขารู้สึกอย่างไรกัน? “ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ฮ่าๆ ผมก็คิดนะว่าอนาคตผมควรจะทำอะไรในขณะที่เฝ้ามองผลงานในอดีตของตัวเอง”
เป้าหมายเฉพาะกิจในอนาคตของเขามีดังต่อไปนี้ “ในฐานะนักแสดง ผมอยากจะมีผลงานที่เป็นตัวแทนของผม ส่วนในฐานะนักร้อง ผมก็อยากจะลองร้องเพลงหลายๆ แนว นอกจากนี้ ผมกำลังเริ่มธุรกิจใหม่ในปีนี้ด้วย ผมจะเปิดร้านที่ชิบุย่าในญี่ปุ่น เป็นร้านที่นำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์โดยร่วมมือผู้ผลิตสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย อย่างแรกเลยคือกระเป๋าที่ร่วมมือกับแบรนด์ของเกาหลี แต่จริงๆ แล้วผมก็อยากจะจับมือกับแบรนด์เนมของญี่ปุ่นหรือไม่ก็แบรนด์ต่างชาติด้วย เรื่องนี้ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผนและเจรจาต่อรองกับพวกเขาโดยตรง ส่วนการตกแต่งภายในร้านยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ผมจึงหวังว่ามันจะเปิดได้ภายในปีนี้ครับ”
ฟังแผนงานของเขาแล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าพลังและความทะเยอทะยานของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นเหตุให้เขาได้รับการขนานนามว่า ‘Asia Prince’ “ผมไม่ได้กะว่าทุกคนจะต้องพูดตามผม ตอนที่อัลบั้มแรกในชีวิตของผมวางแผงในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ผมให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้งว่าความฝันของผมคือการเป็น Asia Prince หลังจากนั้นผมก็เห็นหนังสือพิมพ์ในประเทศต่างๆ เรียกผมว่า ‘Asia Prince Jang Keun Suk’ ผมเลยกลายเป็น Asia Prince ไปโดยปริยาย ฮ่าๆ ความรู้สึกในการรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองอาจจะเป็นแรงจูงใจของผมก็เป็นได้”
อย่างไรก็ตาม เขาเคยมีประสบการณ์ของความสิ้นหวังมาก่อน ในปีนี้ เขาคิดอยากจะเลิกอาชีพนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าวงการมา “มันอยู่ในช่วงหลังจากการแสดงที่โตเกียวโดมที่ญี่ปุ่น การแสดงที่โตเกียวโดมเป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็ก ดังนั้นหลังจากที่ฝันเป็นจริงแล้ว ผมกลายเป็นคนตาบอดในการมุ่งสู่จุดหมายเป็นครั้งแรก ทุกครั้งเวลาที่ถูกสัมภาษณ์ว่าเป้าหมายต่อไปของผมคืออะไร ผมเลยคิดว่าผมอยากจะหนี และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมสารภาพต่อทุกๆ คน จริงๆ แล้ว ผมคิดอยากจะตายเลยล่ะในตอนนั้น เมื่อปีที่แล้วผมทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย ผมต้องการเวลาในการตรึกตรองอะไรบ้าง” ในช่วงนั้น เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ผู้จัดการของเขาเป็นคนขับ โชคดีที่กึนซ็อกไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส “ผมนึกว่าผมเกือบตายแล้ว ฮ่าๆ แต่ตอนที่รถหยุดอย่างหวุดหวิด ผมก็คิดว่า ‘โอ้ ผมยังไม่ตายนี่!’ ในตอนนั้นผมก็ได้ค้นพบเป้าหมายต่อไปของผม.. ในการเป็น World Prince ผมรู้สึกราวกับว่าพระเจ้ามาถามผมว่า ‘เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?’ แน่นอน ตราบใดที่ผมให้สัญญาแล้ว ผมจะทำความฝันของผมให้เป็นจริงให้ได้ ผมมันซาดิสต์อยู่แล้ว ผมจะผลักดันตัวเองให้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด”
เมื่อก่อน ผมได้แต่ยอมและพยายามที่จะเป็นคนดี
คาแรคเตอร์ซาดิสต์ของเขาที่ทุกคนรู้จักดียังคงเป็นอยู่อย่างนั้น แต่เราก็สงสัยว่าถ้าเขาเป็นคนชอบความเจ็บปวดในยามที่เขามีความรักล่ะ...!? “ไม่มีทาง! ผมเป็นคนซาดิสต์อย่างแน่นอน จริงอยู่ที่เมื่อก่อนผมได้แต่ยอมเธอและพยายามที่จะเป็นคนดีสำหรับเธอ แต่นั่นเป็นเพราะผมพยายามทำตัวดีให้เธอเห็นต่างหาก ฮ่าๆ ส่วนใหญ่แล้ว ผมจะเป็นฝ่ายผลักดันเธอมากกว่า แต่ตอนนี้ผมถวายตัวให้กับปลาไหล (แฟนคลับของผม) เท่านั้น จริงๆ นะ! ตอนที่ผมจัดคอนเสิร์ตหรือพูดอะไรต่อหน้ากล้อง ผมก็คิดแต่ว่าผมกำลังตกหลุมรักปลาไหลของผม เป็นเรื่องจริงที่ว่าผมไม่มีเวลาและไม่มีพื้นที่สำรอง ผมจึงไม่อยากมีความรัก แต่ด้วยความสัตย์จริงเลยนะครับ ผมอยากจะมีความรักกับคุณนะ ปลาไหลที่รักของผม ฮ่าๆ”
กึนซ็อกนั้นกระตือรือร้นในการเป็นนักร้องมาก ขณะนี้เขายังอยู่ระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งเขาดูแลกำกับทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตเลยทีเดียว “มันไม่ใช่นิสัยของผมที่จะทิ้งการผลิตให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น แน่นอนว่าตอนที่เล่นหนังเล่นละคร เราจำเป็นต้องสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับนักแสดงและทีมงานคนอื่นๆ แต่ตอนที่ผมอยู่บนเวทีในฐานะนักร้อง สิ่งสำคัญคือการทำสิ่งที่ผมต้องการสื่อให้เป็นรูปเป็นร่าง”
เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ผมกลายเป็นคนตาบอดในการมุ่งสู่จุดหมาย
ในปีนี้เป็นปีที่กึนซ็อกครบรอบ 20 ปีในวงการบันเทิง เขารู้สึกอย่างไรกัน? “ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ฮ่าๆ ผมก็คิดนะว่าอนาคตผมควรจะทำอะไรในขณะที่เฝ้ามองผลงานในอดีตของตัวเอง”
เป้าหมายเฉพาะกิจในอนาคตของเขามีดังต่อไปนี้ “ในฐานะนักแสดง ผมอยากจะมีผลงานที่เป็นตัวแทนของผม ส่วนในฐานะนักร้อง ผมก็อยากจะลองร้องเพลงหลายๆ แนว นอกจากนี้ ผมกำลังเริ่มธุรกิจใหม่ในปีนี้ด้วย ผมจะเปิดร้านที่ชิบุย่าในญี่ปุ่น เป็นร้านที่นำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์โดยร่วมมือผู้ผลิตสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย อย่างแรกเลยคือกระเป๋าที่ร่วมมือกับแบรนด์ของเกาหลี แต่จริงๆ แล้วผมก็อยากจะจับมือกับแบรนด์เนมของญี่ปุ่นหรือไม่ก็แบรนด์ต่างชาติด้วย เรื่องนี้ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผนและเจรจาต่อรองกับพวกเขาโดยตรง ส่วนการตกแต่งภายในร้านยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ผมจึงหวังว่ามันจะเปิดได้ภายในปีนี้ครับ”
ฟังแผนงานของเขาแล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าพลังและความทะเยอทะยานของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นเหตุให้เขาได้รับการขนานนามว่า ‘Asia Prince’ “ผมไม่ได้กะว่าทุกคนจะต้องพูดตามผม ตอนที่อัลบั้มแรกในชีวิตของผมวางแผงในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ผมให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้งว่าความฝันของผมคือการเป็น Asia Prince หลังจากนั้นผมก็เห็นหนังสือพิมพ์ในประเทศต่างๆ เรียกผมว่า ‘Asia Prince Jang Keun Suk’ ผมเลยกลายเป็น Asia Prince ไปโดยปริยาย ฮ่าๆ ความรู้สึกในการรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองอาจจะเป็นแรงจูงใจของผมก็เป็นได้”
อย่างไรก็ตาม เขาเคยมีประสบการณ์ของความสิ้นหวังมาก่อน ในปีนี้ เขาคิดอยากจะเลิกอาชีพนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าวงการมา “มันอยู่ในช่วงหลังจากการแสดงที่โตเกียวโดมที่ญี่ปุ่น การแสดงที่โตเกียวโดมเป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็ก ดังนั้นหลังจากที่ฝันเป็นจริงแล้ว ผมกลายเป็นคนตาบอดในการมุ่งสู่จุดหมายเป็นครั้งแรก ทุกครั้งเวลาที่ถูกสัมภาษณ์ว่าเป้าหมายต่อไปของผมคืออะไร ผมเลยคิดว่าผมอยากจะหนี และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมสารภาพต่อทุกๆ คน จริงๆ แล้ว ผมคิดอยากจะตายเลยล่ะในตอนนั้น เมื่อปีที่แล้วผมทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย ผมต้องการเวลาในการตรึกตรองอะไรบ้าง” ในช่วงนั้น เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ผู้จัดการของเขาเป็นคนขับ โชคดีที่กึนซ็อกไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส “ผมนึกว่าผมเกือบตายแล้ว ฮ่าๆ แต่ตอนที่รถหยุดอย่างหวุดหวิด ผมก็คิดว่า ‘โอ้ ผมยังไม่ตายนี่!’ ในตอนนั้นผมก็ได้ค้นพบเป้าหมายต่อไปของผม.. ในการเป็น World Prince ผมรู้สึกราวกับว่าพระเจ้ามาถามผมว่า ‘เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?’ แน่นอน ตราบใดที่ผมให้สัญญาแล้ว ผมจะทำความฝันของผมให้เป็นจริงให้ได้ ผมมันซาดิสต์อยู่แล้ว ผมจะผลักดันตัวเองให้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด”
เมื่อก่อน ผมได้แต่ยอมและพยายามที่จะเป็นคนดี
คาแรคเตอร์ซาดิสต์ของเขาที่ทุกคนรู้จักดียังคงเป็นอยู่อย่างนั้น แต่เราก็สงสัยว่าถ้าเขาเป็นคนชอบความเจ็บปวดในยามที่เขามีความรักล่ะ...!? “ไม่มีทาง! ผมเป็นคนซาดิสต์อย่างแน่นอน จริงอยู่ที่เมื่อก่อนผมได้แต่ยอมเธอและพยายามที่จะเป็นคนดีสำหรับเธอ แต่นั่นเป็นเพราะผมพยายามทำตัวดีให้เธอเห็นต่างหาก ฮ่าๆ ส่วนใหญ่แล้ว ผมจะเป็นฝ่ายผลักดันเธอมากกว่า แต่ตอนนี้ผมถวายตัวให้กับปลาไหล (แฟนคลับของผม) เท่านั้น จริงๆ นะ! ตอนที่ผมจัดคอนเสิร์ตหรือพูดอะไรต่อหน้ากล้อง ผมก็คิดแต่ว่าผมกำลังตกหลุมรักปลาไหลของผม เป็นเรื่องจริงที่ว่าผมไม่มีเวลาและไม่มีพื้นที่สำรอง ผมจึงไม่อยากมีความรัก แต่ด้วยความสัตย์จริงเลยนะครับ ผมอยากจะมีความรักกับคุณนะ ปลาไหลที่รักของผม ฮ่าๆ”
Credits: Magazine World
Source: jangkeunsukforever.com
English-Thai translation: Kate K-Gang
www.jangkeunsukthailand.com
Source: jangkeunsukforever.com
English-Thai translation: Kate K-Gang
www.jangkeunsukthailand.com
No comments:
Post a Comment