[แปลบทความ] จางกึนซ็อกในสายตาของผม
Cr. jangkeunsukthailand
จางกึนซ็อกในสายตาของผม – เขียนขึ้นหลังจากงาน Cri Show ที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2555
วันที่ 11 ส.ค. 2555 เวลา 19.30 น. Jang Keun Suk Cri Show II ที่ Mercedes-Benz Arena ต้องขอบคุณบริษัท Tong Yi Orange Juice Enterprise ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะในฐานะผู้สนับสนุนงาน Cri Show II ผมจึงได้มีโอกาสเข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ในฐานะหนึ่งในทีมงาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้สัมผัสประสบการณ์ไปพร้อมกับเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ของจาง
กึนซ็อก
ก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับน้ำส้ม Tong Yi ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับข่าวของจางกึนซ็อก แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้เข้าใจถึงบุคลิกที่จริงใจ น่ารัก ตรงไปตรงมา ง่ายๆ และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเขา ที่คอนเสิร์ตในวันนี้ ผมได้เห็นจางกึนซ็อกคนที่มองมุมบวก ทำงานหนัก เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ และต่อสู้กับหนทางของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นทีละก้าวๆ
1. ทำความรู้จักจางกึนซ็อก
1. การถ่ายทำโฆษณา – เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ทะเล้น
แม้ว่าผมจะไม่ได้โชคดีที่ได้ร่วมงานกับจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองสำหรับการถ่ายทำโฆษณาในครั้งนี้ แต่ทีมงานหลายๆ คนที่มีส่วนร่วมได้แชร์ประสบการณ์ของพวกเขา ซึ่งผมขอสรุปตามนี้ละกัน :
เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากๆ ไม่ได้มี “จริตของนักแสดง” เหมือนคนอื่นๆ ในระหว่างการถ่ายทำนั้น เขามีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาไม่ได้รู้สึกลำบากใจแม้ว่าเขาจะต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นเพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น จริงๆ แล้ว เขายืนยันที่จะถ่ายฉากสุดท้ายให้สมบูรณ์ที่สุด ความขี้เล่นและความตรงไปตรงมาของเขาทำให้บรรยากาศและทุกคนรอบตัวเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข เขาช่างมีวุฒิภาวะจริงๆ ในช่วงของการถ่ายภาพนิ่ง เขาก็แสดงออกมาอย่างเต็มที่ อันที่จริง ผมแอบได้ยินผู้จัดการ “ถอนหายใจ” ขณะที่เลือกรูปจากงานครั้งนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกรูปไหนดี จางกึนซ็อกแสดงออกมาได้ดีทุกภาพ ในทางกลับกัน ความสงบเสงี่ยมของปาร์คมินยองอาจทำให้ดูเคร่งขรึมนิดหน่อย (แต่เธอก็ถ่ายช็อตน่ารักๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะ!) และเป็นเพราะความแตกต่างกันนี้ ทำให้ท่าทางของจางกึนซ็อกออกจะ “ล้นๆ” โดยเฉพาะเวลาที่จับให้เขาอยู่ข้างๆ ปาร์คมินยอง ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ถ่ายภาพได้เยอะ ทำให้มีรูปถ่ายเพียงพอที่จะอัดออกมาใช้งาน
2. งานแถลงข่าว Tong Yi – พลังแห่งการกอดของเขา
จางกึนซอกและปาร์คมินยองเปิดตัวในฐานะพรีเซนเตอร์ของสินค้านี้อย่างเป็นทางการที่งานแถลงข่าวในกรุงปักกิ่ง พวกเราได้เตรียมการจัดระเบียบให้แฟนคลับบางส่วนได้มีส่วนร่วมกับนักแสดงทั้งสองบนเวที
แฟนคลับผู้โชคดีสองคนได้รับการคัดเลือกจากจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองตามลำดับ ในช่วงนี้ พวกเขาได้รับเชิญให้ขึ้นไปอยู่บนเวทีกับไอดอลของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แฟนคลับทั้งสองหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อความโชคดีเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ในช่วงต่อมา มีแฟนคลับที่พิเศษมากๆ อีกสองคน เป็นคุณป้าวัย 53 ปี และเด็กอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นแฟนคลับที่อายุน้อยที่สุด (แฟนคลับอายุ 12 ปีผู้นี้ใช้เวลาหามรุ่งหามค่ำเขียนจดหมายที่ยาวมาก ทำให้สัมผัสได้ถึงการแสดงความรักที่มีต่อปาร์คมินยองผ่านทางตัวอักษร เธอขอร้องไม่ให้พวกเราตัดสิทธิ์เธอจากการเข้าคัดเลือกครั้งนี้เพียงเพราะว่าอายุของเธอ จดหมายฉบับนี้กินใจพวกเราเป็นอย่างมาก และเธอก็มาร่วมงานนี้กับผู้ปกครอง) การแสดงออกของแฟนคลับทั้งสองคนนี้แสดงให้เห็นถึงระดับความนิยมที่มีต่อจางกึนซ็อกและปาร์คมินยอง
“หนีห่าว”(สวัสดี!) จางกึนซ็อกทักทายแฟนคลับทั้งสองคนในภาษาแมนดารินที่เขาเพิ่งเรียนมาสดๆ ร้อนๆ และเขาก็ยังมอบกอดอันแสนอบอุ่นให้กับพวกเขา คุณจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความน่าหลงใหลของเขาผ่านอ้อมกอดอันแข็งแรงที่เขามอบให้ ตลอดช่วงเวลานี้นักแสดงทั้งสองสุภาพมากๆ ผู้ชมที่มางานนี้ต่างหัวเราะกันไม่หยุดและทักทายนักแสดงทั้งสองอย่างจริงใจ เปรียบเทียบกันระหว่างสองคนนี้ ปาร์คมินยองดูจะสงวนท่าทีอยู่บ้าง เธอค่อนข้างสุภาพมากกว่าในการมอบกอดให้กับบรรดาแฟนคลับเมื่อเทียบกับกอดอันอบอุ่นของจางกึนซ็อก ในช่วงสุดท้ายของงาน พวกเขาได้ถ่ายรูปร่วมกันและปรินซ์ของเราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างสูงอีกเช่นเคย
3. Happy Camp ของจางกึนซ็อก – ความซื่อสัตย์และความโด่งดังของปรินซ์
จางกึนซ็อกแสดงความขี้เล่นของเขาให้พวกเราเห็นผ่านรายการ Happy Camp ฉากที่ผมประทับใจที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกล้มกลิ้งลงไปนอนบนพื้นหลังจากที่เขา “เนรมิต” ฟองยักษ์ขึ้นมา ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมต้องบอกว่าคุณชายรูปหล่อคนนี้น่ารักมากๆ O(∩_∩)O! ที่ลืมไม่ได้ก็คือท่าเต้นเฉพาะตัวของเขา – วางมือขวาลงบนพื้น กางขาออกแล้วโยกสะโพกขึ้นลง ทุกคนไม่สามารถกลั้นหัวเราะให้กับความทะลึ่งของเขาได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหัวเราะให้กับความทะลึ่งและขี้เล่นของตัวเองทั้งๆ ที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง คุณจะถูกดึงดูดใจไปกับความร่าเริงของเขาอย่างแน่นอน อย่างตอนที่ Ho Ling หยิบขวดน้ำส้ม Tong Yi (ที่ไม่มีฉลาก) ออกมา สุดหล่อจางก็ชี้ไปที่ขวดและพูดออกมาด้วยความใสซื่อทันทีว่า “น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!” ทุกคนต่างตกตะลึงที่เขาสามารถจำเครื่องดื่มที่ไม่มีฉลากได้! เขาเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ – เห็นผลิตภัณฑ์ปุ๊บก็พูดสโลแกนออกมาทันที ดูจะเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเขา
จากรายงานเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน – การปรากฎตัวเป็นพิเศษครั้งแรกของจางกึนซ็อกในรายการ Happy Camp มีเรตติ้งสูงกว่าพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีนักแสดงจากนานาประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 400 คน ด้วยเรตติ้งจากผู้เข้าชมรายการ 2.54% และเรตติ้งจากผู้ชมทางทีวี 6.49% (สถิติการสำรวจอย่างเป็นทางการของ CNS Chinese Media) รายการ Happy Camp ที่มาพร้อมกับจางกึนซ็อก กลายเป็นผู้ชนะ! เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 จางกึนซ็อกมาเป็นแขกรับเชิญที่ Wiebo เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษกับแฟนๆ ของเขาเกี่ยวกับงาน Cri Show II 2012 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ในวันที่ 11 สิงหาคม และจางกึนซ็อกก็สามารถทำลายสถิติได้อีกครั้ง เพราะในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงของการถาม-ตอบแบบสั้นๆ มีคำถามถามเข้ามามากถึง 420,000 คำถาม เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่พิสูจน์ความโด่งดังของจางกึนซ็อก
4. ทำตัวเหมือนผู้หญิง
ผมรู้ว่าคนรอบๆ ตัวผมและผู้คนอีกมากมายที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาดูแต๋วมาก หรือไม่ก็โฉ่งฉ่างมาก บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจากภาพที่เห็นเขาเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่ผมอยากจะให้ความเห็นสัก 2 ข้อ :
1. ลึกๆ ในตัวของจางกึนซ็อก เขาไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน เขามีแต่ความใสซื่อเหมือนเด็กๆ
2. จางกึนซ็อกไม่ได้ดูเป็นแต๋ว จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนที่หล่อจนดูเหมือนสวย
ระหว่างการสนทนาผ่านทาง Weibo เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม มีคนถามถึงความปรารถนาที่ยังไม่สมหวังของเขา เขาตอบอย่างขี้เล่นว่า “ห้องอาบน้ำหญิง” ชาวเน็ตคนหนึ่งถามเขาว่าเขาอยากจะไปที่ไหนถ้าหากมีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ จางกึนซ็อกตอบกลับทันทีว่า “กลับไปตอนที่ผมอายุ 4 ขวบ ผมจะเข้าไปห้องอาบน้ำหญิง! ฮ่า ฮ่า!” ต่อเนื่องกับเรื่องนี้ ชาวเน็ตบางคนเลยแนะนำให้จางกึนซ็อกแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วเข้าไปห้องอาบน้ำหญิงซะเลย เพราะเขาหน้าสวยอยู่แล้ว จางกึนซ็อกตอกกลับไปว่า “มีบางอย่างที่ดูเหมือนพวกคุณจะยังไม่เข้าใจนะ ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง!” เราจะเห็นถึงความขี้เล่นในการตอบคำถามของเขาและในขณะเดียวกันก็ยังสร้างอารมณ์ขันให้แก่ปลาไหลด้วย (เครดิต http://www.sina.com.cn)
2. การแสดงสด Cri Show
1. วิธีการสื่อสาร: อย่าถ่ายรูปนะ มองมาที่นัยน์ตาของผม
สืบเนื่องจากประเด็นการถ่ายภาพของบรรดาแฟนคลับในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา จางกึนซ็อกได้สื่อสารด้วยความจริงใจซึ่งเป็นอะไรที่โดนใจมากๆ เขาบอกแฟนคลับของเขาว่าถ้าแฟนคลับอยากจะถ่ายรูปของเขาจริงๆ นั้น เขาก็จะไม่ห้าม แต่เขาก็หวังที่จะได้สบตาแฟนๆ เพื่อสื่อสารกันทางสายตา เขากล่าวว่า เขาชอบความรู้สึกเวลาที่ได้สบตาคนอื่น เขาอยากให้แฟนๆ ของเขาใช้ตาในการจ้องดู ใช้หูในการฟัง ใช้ใจในการรู้สึก และไม่ยุ่งอยู่แต่กับการถ่ายรูป เพราะนั่นจะเป็นการละเลยตัวจริงที่จับต้องได้ของจางกึนซ็อก เป็นการทำลายบรรยากาศแห่งความสุขและลดความสนุกในโลกของความจริงไปด้วย
วิธีการสื่อสารกับแฟนๆ ของจางกึนซ็อกที่คอนเสิร์ตนั้นโดนใจผมมากๆ ผมสามารถสัมผัสได้ว่าเขาทำด้วยความจริงใจจริงๆ หวังว่าสักวันหนึ่ง ภาษาแมนดารินของเขาจะคล่องพอที่จะไม่ต้องใช้ล่ามและสามารถสื่อสารได้โดยตรงกับแฟนๆ ของเขา เมื่อถึงตอนนั้นปลาไหลทั้งหลายคงโชคดี! วันนั้นคงจะมาถึงและคุ้มค่าแก่การรอคอย! ในทำนองเดียวกัน เคยมีศิลปินหลายคนที่ขอร้องให้แฟนๆ งดถ่ายภาพในคอนเสิร์ต อย่างเช่น Soda Green และ Wallace Chung
2. วิธีการสื่อสาร: ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าตามรถ สัญญานะ
สืบเนื่องจากกระแสการเช่ารถและไล่ตามศิลปินของบรรดาแฟนคลับ จางกึนซ็อกจึงได้พยายามสื่อสารไปยังทุกคนในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา เขาวอนทุกคนไม่ไห้ตามรถของเขาในระยะประชิด เพราะมันอันตรายมาก เขาพยายามที่จะสอนและบอกปลาไหลให้มีเหตุผล เขาเตือนให้ต่อต้านการกระทำของปลาไหลที่เป็นการรักอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งสูญเสียสำนึกของความมีเหตุมีผล ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และเป็นเหตุให้คนอื่นต้องลำบากไปด้วย เขาได้ทำสัญญากับแฟนๆ ของเขาในงาน Cri Show เขาพยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ให้เห็นภาพ เขาบอกกับแฟนๆ ว่าถ้าพวกเขายังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เขาอาจจะไม่สามารถกลับมาที่ประเทศจีนได้อีก เขาจึงขอร้องแฟนๆ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้น จากข้อมูลใน weibo ของจางกึนซ็อกและฟีดแบคจากบรรดาแฟนคลับ แฟนๆ จำนวนมากยังคงตามติดรถของเขา ซึ่งเมื่อคืนนี้ ซาแซงเหล่านั้นตามหลังเขาไปติดๆ ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังตามไปถึงที่ที่จางกึนซ็อกและทีมงานทานข้าวกัน และเพื่อความปลอดภัย พวกเขาเกือบจะถูกขอร้องให้ออกจากร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทานข้าวด้วยซ้ำ จางกึนซ็อกได้โพสต์รูปที่มีไฟหน้ารถส่องตรงมาที่เขาซึ่งส่งผลต่อการขับรถของพวกเขา ในที่สุด จางกึนซ็อกก็ลบโพสต์ของเขาใน Weibo ออกไปเกือบสิบโพสต์ เหตุการณ์นี้ไม่ได้จบลงด้วยดีแต่อย่างใด ถึงตอนนี้ ผมอยากจะถือโอกาสให้คำแนะนำแก่แฟนคลับทั้งหลายว่าการไล่ตามไอดอลนั้นจะต้องสมเหตุสมผล สำหรับดาราอย่างจางกึนซ็อกซึ่งเกิดในปี 1987 และทำงานอย่างหนักนั้น เราก็ควรจะมอบความรักให้เขาอย่างมีเหตุผล ซึมซับแง่คิดดีๆ จากเขา เติบโตไปพร้อมๆ กับเขา นี่แหล่ะคือการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถให้เขาได้ โอ้ เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ระหว่างการแสดง Cri Show นั้นเขาพูดภาษาแมนดารินขึ้นมาว่า “อย่าละเมิดลิขสิทธิ์” ฮ่า ฮ่า เขาน่ารักจริงๆ นี่คือวิธีการที่จะสนับสนุนเขาได้เหมือนกัน!
3. ฉลองครบรอบ 20 ปี การค้นหาตัวตนที่ถูกลืม
ทั้งคอนเสิร์ตถูกสร้างขึ้นในธีมโรงละครสัตว์ภายใต้ฉากที่แตกต่างกันสามฉาก ผมจำรายละเอียดที่ชัดเจนของคอนเสิร์ตไม่ได้ แต่โดยสรุปแล้ว มันแสดงให้เห็นถึงความทรงจำที่เขาคิดถึงในวัยเด็ก เมื่อมองย้อนกลับไป จะเห็นภาพแอนิเมชั่นเป็นรูปป่า ต้นไม้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ แล้วก็ยังมีผีเสื้อและดวงดาวที่ยังคงงดงามในช่วงวัยเด็ก 20 ปีผ่านไป เขารู้สึกเสียดายที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันอาจจะบรรยายให้เห็นถึงความทรมานที่เขาต้องเผชิญในฐานะนักแสดงในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมากับวงการนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงซื่อสัตย์ เขามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการจัดคอนเสิร์ตเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา ในส่วนของอุปสรรคทางภาษา มีล่ามอยู่บนเวทีเพื่อช่วยเหลือเขาในการสื่อสารกับแฟนๆ การออกแบบทั้งหมดในคอนเสิร์ตล้วนเป็นความคิดของเขาด้วย ในความเห็นของผม ท่ามกลางนักแสดงมากมาย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีค่ามากๆ รอยยิ้มของเขายังคงเต็มไปด้วยความใสซื่อไร้เดียงสา!
4. คติพจน์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการเอาชนะตัวเอง
ผมคิดว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นการแสดงที่มีการวางแผนแบบองค์รวมมากที่สุด ด้านมืด ความชั่วร้าย และความปรารถนาของมนุษย์ถูกแสดงออกมาผ่านการเต้น ภาพแอนิเมชั่น ดนตรี และการใช้ภาพลักษณ์สีขาวและสีดำสะท้อนให้เห็นถึงด้านตรงข้ามกันของความเป็นมนุษย์ จางกึนซ็อกสีดำและจางกึนซ็อกสีขาวแสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งสองด้านของเขา จากภาพใน VTR เราจะเห็นเทพบุตรจางกึนซ็อกในชุดขาวเดินเข้าไปหากระจกวิเศษ ซึ่งภายในนั้นปรากฎภาพจางกึนซ็อกในชุดดำสะท้อนด้านมืดของตัวเขาเอง การแสดงของเขาเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ – ทั้งในยามดีและยามร้าย ตรงกลางของเวทีมีกระจกที่ดูซับซ้อนมากอันหนึ่ง ภายในนั้นมีภาพที่แตกต่างกันไป ทั้งแสงสีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทั้งเส้นคลื่นหลากหลายเส้น แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อแรงปรารถนาตามธรรมชาติของมนุษย์ ฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกใส่ชุดสีดำและถูกจับแขวนอยู่ในที่สูง ขณะที่เขากำลังดิ้นรนอยู่กลางอากาศ เขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าใยแมงมุมสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ จากภาพใน VTR เราจะเห็นฉากที่จางกึนซ็อกในชุดสีขาวตกลงมาอยู่ใยแมงมุมขนาดใหญ่เหมือนกัน
ในความคิดของผม มันสามารถตีความได้สองแบบ ใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนา ช่องว่างของความปรารถนาถูกเติมเต็มด้วยความปรารถนา ความยุติธรรมและความเลวของมนุษย์ ด้านที่สวยงามของความเมตตาและด้านมืดของความชั่วร้าย อันเป็นจุดกำเนิดของเทพบุตรและปีศาจเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งเหล่านั้น ใยแมงมุมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแรงปรารถนาถูกต้านทานโดยเทพบุตร ในทางกลับกัน ปีศาจจะถูกดึงดูดเข้าไปในใยแมงมุม ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะไปรวมกันในช่องว่างสามมิติภายในร่างกายมนุษย์และเกิดการต่อสู้กัน ถ้าเทพบุตรชุดขาวชนะ มันก็จะถอยห่างออกจากใยแมงมุม แต่ถ้าปีศาจสามารถตอบโต้เทพบุตรได้ก็จะหาทางเข้าไปใกล้ใยแมงมุมได้ แต่เราจะไม่เห็นการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย เมื่อเทพบุตรแสดงพลังงานในด้านบวก พลังงานในด้านลบของปีศาจก็จะล่าถอยออกไป ซึ่งพลังงานจะเพิ่มกำลังขึ้นอย่างเป็นอิสระต่อกัน
การตีความอีกแบบหนึ่งสามารถอธิบายได้ว่าใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยาน ร่างกายต้องการเข้าใกล้มันแต่ขึ้นอยู่กับเทพบุตรและปีศาจในตัวเรา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งด้านที่เป็นอุดมคติและความเป็นจริง ความสัมฤทธิ์ผลของอุดมคติขึ้นอยู่กับผลของการต่อสู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการตีความแบบไหน เราก็ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ เราจึงจะเป็นเจ้านายของตัวเอง!
ในฐานะไอดอลของคนวัยหนุ่มสาว ข้อความที่จางกึนซ็อกส่งถึงแฟนๆ ของเขาใน Cri Show ครั้งนี้คือการทำงานหนักและการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่ผมมีความกังวลบางอย่าง ในแง่ศิลปะ ทำให้เห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนซึ่งน่ากลัวและหดหู่ ผมเดาว่านั่นเป็นความจำเป็นในการแสดง ซึ่งผมเชื่อในความสามารถของแฟนคลับที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างพลังงานในด้านบวกและลบได้
เขาพูดถึงคอนเสิร์ต Cri Show ที่เซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ว่าเขาเป็นคนวางแผนงานด้วยตัวเอง ผมเข้าไปเสิร์ชดูใน google และพบว่าเขาได้รับรางวัลมามากมาย ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 เขาได้รับรางวัลพิเศษในงานเทศกาลหนังสั้นของญี่ปุ่น จางกึนซ็อกทำเองทั้งหมดตั้งแต่เขียนบท กำกับ ตัดต่อ และแสดงในหนังสั้น ความจริงที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนคือเขาทำงานหนักบนพื้นฐานของพรสวรรค์ในตัวเขา ผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ในอนาคต เขาจะมีการแสดงที่โดดเด่นมากกว่านี้และอุทิศตัวเองให้กับการทำงานทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องคอยติดตามสถิติแฟนคลับว่าจะทะลุ 10-20 ล้านคนหรือไม่ และคอนเสิร์ตครั้งต่อๆ ไปที่เขาจะลงมือควบคุมด้วยตัวเอง รวมถึงสถานะในการเป็น World Prince ด้วย!
วันที่ 11 ส.ค. 2555 เวลา 19.30 น. Jang Keun Suk Cri Show II ที่ Mercedes-Benz Arena ต้องขอบคุณบริษัท Tong Yi Orange Juice Enterprise ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะในฐานะผู้สนับสนุนงาน Cri Show II ผมจึงได้มีโอกาสเข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ในฐานะหนึ่งในทีมงาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้สัมผัสประสบการณ์ไปพร้อมกับเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ของจาง
กึนซ็อก
ก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับน้ำส้ม Tong Yi ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับข่าวของจางกึนซ็อก แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้เข้าใจถึงบุคลิกที่จริงใจ น่ารัก ตรงไปตรงมา ง่ายๆ และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเขา ที่คอนเสิร์ตในวันนี้ ผมได้เห็นจางกึนซ็อกคนที่มองมุมบวก ทำงานหนัก เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ และต่อสู้กับหนทางของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นทีละก้าวๆ
1. ทำความรู้จักจางกึนซ็อก
1. การถ่ายทำโฆษณา – เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ทะเล้น
แม้ว่าผมจะไม่ได้โชคดีที่ได้ร่วมงานกับจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองสำหรับการถ่ายทำโฆษณาในครั้งนี้ แต่ทีมงานหลายๆ คนที่มีส่วนร่วมได้แชร์ประสบการณ์ของพวกเขา ซึ่งผมขอสรุปตามนี้ละกัน :
เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากๆ ไม่ได้มี “จริตของนักแสดง” เหมือนคนอื่นๆ ในระหว่างการถ่ายทำนั้น เขามีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาไม่ได้รู้สึกลำบากใจแม้ว่าเขาจะต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นเพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น จริงๆ แล้ว เขายืนยันที่จะถ่ายฉากสุดท้ายให้สมบูรณ์ที่สุด ความขี้เล่นและความตรงไปตรงมาของเขาทำให้บรรยากาศและทุกคนรอบตัวเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข เขาช่างมีวุฒิภาวะจริงๆ ในช่วงของการถ่ายภาพนิ่ง เขาก็แสดงออกมาอย่างเต็มที่ อันที่จริง ผมแอบได้ยินผู้จัดการ “ถอนหายใจ” ขณะที่เลือกรูปจากงานครั้งนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกรูปไหนดี จางกึนซ็อกแสดงออกมาได้ดีทุกภาพ ในทางกลับกัน ความสงบเสงี่ยมของปาร์คมินยองอาจทำให้ดูเคร่งขรึมนิดหน่อย (แต่เธอก็ถ่ายช็อตน่ารักๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะ!) และเป็นเพราะความแตกต่างกันนี้ ทำให้ท่าทางของจางกึนซ็อกออกจะ “ล้นๆ” โดยเฉพาะเวลาที่จับให้เขาอยู่ข้างๆ ปาร์คมินยอง ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ถ่ายภาพได้เยอะ ทำให้มีรูปถ่ายเพียงพอที่จะอัดออกมาใช้งาน
2. งานแถลงข่าว Tong Yi – พลังแห่งการกอดของเขา
จางกึนซอกและปาร์คมินยองเปิดตัวในฐานะพรีเซนเตอร์ของสินค้านี้อย่างเป็นทางการที่งานแถลงข่าวในกรุงปักกิ่ง พวกเราได้เตรียมการจัดระเบียบให้แฟนคลับบางส่วนได้มีส่วนร่วมกับนักแสดงทั้งสองบนเวที
แฟนคลับผู้โชคดีสองคนได้รับการคัดเลือกจากจางกึนซ็อกและปาร์คมินยองตามลำดับ ในช่วงนี้ พวกเขาได้รับเชิญให้ขึ้นไปอยู่บนเวทีกับไอดอลของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แฟนคลับทั้งสองหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อความโชคดีเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ในช่วงต่อมา มีแฟนคลับที่พิเศษมากๆ อีกสองคน เป็นคุณป้าวัย 53 ปี และเด็กอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นแฟนคลับที่อายุน้อยที่สุด (แฟนคลับอายุ 12 ปีผู้นี้ใช้เวลาหามรุ่งหามค่ำเขียนจดหมายที่ยาวมาก ทำให้สัมผัสได้ถึงการแสดงความรักที่มีต่อปาร์คมินยองผ่านทางตัวอักษร เธอขอร้องไม่ให้พวกเราตัดสิทธิ์เธอจากการเข้าคัดเลือกครั้งนี้เพียงเพราะว่าอายุของเธอ จดหมายฉบับนี้กินใจพวกเราเป็นอย่างมาก และเธอก็มาร่วมงานนี้กับผู้ปกครอง) การแสดงออกของแฟนคลับทั้งสองคนนี้แสดงให้เห็นถึงระดับความนิยมที่มีต่อจางกึนซ็อกและปาร์คมินยอง
“หนีห่าว”(สวัสดี!) จางกึนซ็อกทักทายแฟนคลับทั้งสองคนในภาษาแมนดารินที่เขาเพิ่งเรียนมาสดๆ ร้อนๆ และเขาก็ยังมอบกอดอันแสนอบอุ่นให้กับพวกเขา คุณจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความน่าหลงใหลของเขาผ่านอ้อมกอดอันแข็งแรงที่เขามอบให้ ตลอดช่วงเวลานี้นักแสดงทั้งสองสุภาพมากๆ ผู้ชมที่มางานนี้ต่างหัวเราะกันไม่หยุดและทักทายนักแสดงทั้งสองอย่างจริงใจ เปรียบเทียบกันระหว่างสองคนนี้ ปาร์คมินยองดูจะสงวนท่าทีอยู่บ้าง เธอค่อนข้างสุภาพมากกว่าในการมอบกอดให้กับบรรดาแฟนคลับเมื่อเทียบกับกอดอันอบอุ่นของจางกึนซ็อก ในช่วงสุดท้ายของงาน พวกเขาได้ถ่ายรูปร่วมกันและปรินซ์ของเราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างสูงอีกเช่นเคย
3. Happy Camp ของจางกึนซ็อก – ความซื่อสัตย์และความโด่งดังของปรินซ์
จางกึนซ็อกแสดงความขี้เล่นของเขาให้พวกเราเห็นผ่านรายการ Happy Camp ฉากที่ผมประทับใจที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกล้มกลิ้งลงไปนอนบนพื้นหลังจากที่เขา “เนรมิต” ฟองยักษ์ขึ้นมา ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมต้องบอกว่าคุณชายรูปหล่อคนนี้น่ารักมากๆ O(∩_∩)O! ที่ลืมไม่ได้ก็คือท่าเต้นเฉพาะตัวของเขา – วางมือขวาลงบนพื้น กางขาออกแล้วโยกสะโพกขึ้นลง ทุกคนไม่สามารถกลั้นหัวเราะให้กับความทะลึ่งของเขาได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหัวเราะให้กับความทะลึ่งและขี้เล่นของตัวเองทั้งๆ ที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง คุณจะถูกดึงดูดใจไปกับความร่าเริงของเขาอย่างแน่นอน อย่างตอนที่ Ho Ling หยิบขวดน้ำส้ม Tong Yi (ที่ไม่มีฉลาก) ออกมา สุดหล่อจางก็ชี้ไปที่ขวดและพูดออกมาด้วยความใสซื่อทันทีว่า “น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!” ทุกคนต่างตกตะลึงที่เขาสามารถจำเครื่องดื่มที่ไม่มีฉลากได้! เขาเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ – เห็นผลิตภัณฑ์ปุ๊บก็พูดสโลแกนออกมาทันที ดูจะเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเขา
จากรายงานเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน – การปรากฎตัวเป็นพิเศษครั้งแรกของจางกึนซ็อกในรายการ Happy Camp มีเรตติ้งสูงกว่าพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีนักแสดงจากนานาประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 400 คน ด้วยเรตติ้งจากผู้เข้าชมรายการ 2.54% และเรตติ้งจากผู้ชมทางทีวี 6.49% (สถิติการสำรวจอย่างเป็นทางการของ CNS Chinese Media) รายการ Happy Camp ที่มาพร้อมกับจางกึนซ็อก กลายเป็นผู้ชนะ! เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 จางกึนซ็อกมาเป็นแขกรับเชิญที่ Wiebo เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษกับแฟนๆ ของเขาเกี่ยวกับงาน Cri Show II 2012 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ในวันที่ 11 สิงหาคม และจางกึนซ็อกก็สามารถทำลายสถิติได้อีกครั้ง เพราะในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงของการถาม-ตอบแบบสั้นๆ มีคำถามถามเข้ามามากถึง 420,000 คำถาม เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่พิสูจน์ความโด่งดังของจางกึนซ็อก
4. ทำตัวเหมือนผู้หญิง
ผมรู้ว่าคนรอบๆ ตัวผมและผู้คนอีกมากมายที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาดูแต๋วมาก หรือไม่ก็โฉ่งฉ่างมาก บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจากภาพที่เห็นเขาเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่ผมอยากจะให้ความเห็นสัก 2 ข้อ :
1. ลึกๆ ในตัวของจางกึนซ็อก เขาไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน เขามีแต่ความใสซื่อเหมือนเด็กๆ
2. จางกึนซ็อกไม่ได้ดูเป็นแต๋ว จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนที่หล่อจนดูเหมือนสวย
ระหว่างการสนทนาผ่านทาง Weibo เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม มีคนถามถึงความปรารถนาที่ยังไม่สมหวังของเขา เขาตอบอย่างขี้เล่นว่า “ห้องอาบน้ำหญิง” ชาวเน็ตคนหนึ่งถามเขาว่าเขาอยากจะไปที่ไหนถ้าหากมีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ จางกึนซ็อกตอบกลับทันทีว่า “กลับไปตอนที่ผมอายุ 4 ขวบ ผมจะเข้าไปห้องอาบน้ำหญิง! ฮ่า ฮ่า!” ต่อเนื่องกับเรื่องนี้ ชาวเน็ตบางคนเลยแนะนำให้จางกึนซ็อกแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วเข้าไปห้องอาบน้ำหญิงซะเลย เพราะเขาหน้าสวยอยู่แล้ว จางกึนซ็อกตอกกลับไปว่า “มีบางอย่างที่ดูเหมือนพวกคุณจะยังไม่เข้าใจนะ ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง!” เราจะเห็นถึงความขี้เล่นในการตอบคำถามของเขาและในขณะเดียวกันก็ยังสร้างอารมณ์ขันให้แก่ปลาไหลด้วย (เครดิต http://www.sina.com.cn)
2. การแสดงสด Cri Show
1. วิธีการสื่อสาร: อย่าถ่ายรูปนะ มองมาที่นัยน์ตาของผม
สืบเนื่องจากประเด็นการถ่ายภาพของบรรดาแฟนคลับในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา จางกึนซ็อกได้สื่อสารด้วยความจริงใจซึ่งเป็นอะไรที่โดนใจมากๆ เขาบอกแฟนคลับของเขาว่าถ้าแฟนคลับอยากจะถ่ายรูปของเขาจริงๆ นั้น เขาก็จะไม่ห้าม แต่เขาก็หวังที่จะได้สบตาแฟนๆ เพื่อสื่อสารกันทางสายตา เขากล่าวว่า เขาชอบความรู้สึกเวลาที่ได้สบตาคนอื่น เขาอยากให้แฟนๆ ของเขาใช้ตาในการจ้องดู ใช้หูในการฟัง ใช้ใจในการรู้สึก และไม่ยุ่งอยู่แต่กับการถ่ายรูป เพราะนั่นจะเป็นการละเลยตัวจริงที่จับต้องได้ของจางกึนซ็อก เป็นการทำลายบรรยากาศแห่งความสุขและลดความสนุกในโลกของความจริงไปด้วย
วิธีการสื่อสารกับแฟนๆ ของจางกึนซ็อกที่คอนเสิร์ตนั้นโดนใจผมมากๆ ผมสามารถสัมผัสได้ว่าเขาทำด้วยความจริงใจจริงๆ หวังว่าสักวันหนึ่ง ภาษาแมนดารินของเขาจะคล่องพอที่จะไม่ต้องใช้ล่ามและสามารถสื่อสารได้โดยตรงกับแฟนๆ ของเขา เมื่อถึงตอนนั้นปลาไหลทั้งหลายคงโชคดี! วันนั้นคงจะมาถึงและคุ้มค่าแก่การรอคอย! ในทำนองเดียวกัน เคยมีศิลปินหลายคนที่ขอร้องให้แฟนๆ งดถ่ายภาพในคอนเสิร์ต อย่างเช่น Soda Green และ Wallace Chung
2. วิธีการสื่อสาร: ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าตามรถ สัญญานะ
สืบเนื่องจากกระแสการเช่ารถและไล่ตามศิลปินของบรรดาแฟนคลับ จางกึนซ็อกจึงได้พยายามสื่อสารไปยังทุกคนในคอนเสิร์ต Cri Show ของเขา เขาวอนทุกคนไม่ไห้ตามรถของเขาในระยะประชิด เพราะมันอันตรายมาก เขาพยายามที่จะสอนและบอกปลาไหลให้มีเหตุผล เขาเตือนให้ต่อต้านการกระทำของปลาไหลที่เป็นการรักอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งสูญเสียสำนึกของความมีเหตุมีผล ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และเป็นเหตุให้คนอื่นต้องลำบากไปด้วย เขาได้ทำสัญญากับแฟนๆ ของเขาในงาน Cri Show เขาพยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ให้เห็นภาพ เขาบอกกับแฟนๆ ว่าถ้าพวกเขายังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เขาอาจจะไม่สามารถกลับมาที่ประเทศจีนได้อีก เขาจึงขอร้องแฟนๆ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้น จากข้อมูลใน weibo ของจางกึนซ็อกและฟีดแบคจากบรรดาแฟนคลับ แฟนๆ จำนวนมากยังคงตามติดรถของเขา ซึ่งเมื่อคืนนี้ ซาแซงเหล่านั้นตามหลังเขาไปติดๆ ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังตามไปถึงที่ที่จางกึนซ็อกและทีมงานทานข้าวกัน และเพื่อความปลอดภัย พวกเขาเกือบจะถูกขอร้องให้ออกจากร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทานข้าวด้วยซ้ำ จางกึนซ็อกได้โพสต์รูปที่มีไฟหน้ารถส่องตรงมาที่เขาซึ่งส่งผลต่อการขับรถของพวกเขา ในที่สุด จางกึนซ็อกก็ลบโพสต์ของเขาใน Weibo ออกไปเกือบสิบโพสต์ เหตุการณ์นี้ไม่ได้จบลงด้วยดีแต่อย่างใด ถึงตอนนี้ ผมอยากจะถือโอกาสให้คำแนะนำแก่แฟนคลับทั้งหลายว่าการไล่ตามไอดอลนั้นจะต้องสมเหตุสมผล สำหรับดาราอย่างจางกึนซ็อกซึ่งเกิดในปี 1987 และทำงานอย่างหนักนั้น เราก็ควรจะมอบความรักให้เขาอย่างมีเหตุผล ซึมซับแง่คิดดีๆ จากเขา เติบโตไปพร้อมๆ กับเขา นี่แหล่ะคือการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่คุณสามารถให้เขาได้ โอ้ เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ระหว่างการแสดง Cri Show นั้นเขาพูดภาษาแมนดารินขึ้นมาว่า “อย่าละเมิดลิขสิทธิ์” ฮ่า ฮ่า เขาน่ารักจริงๆ นี่คือวิธีการที่จะสนับสนุนเขาได้เหมือนกัน!
3. ฉลองครบรอบ 20 ปี การค้นหาตัวตนที่ถูกลืม
ทั้งคอนเสิร์ตถูกสร้างขึ้นในธีมโรงละครสัตว์ภายใต้ฉากที่แตกต่างกันสามฉาก ผมจำรายละเอียดที่ชัดเจนของคอนเสิร์ตไม่ได้ แต่โดยสรุปแล้ว มันแสดงให้เห็นถึงความทรงจำที่เขาคิดถึงในวัยเด็ก เมื่อมองย้อนกลับไป จะเห็นภาพแอนิเมชั่นเป็นรูปป่า ต้นไม้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ แล้วก็ยังมีผีเสื้อและดวงดาวที่ยังคงงดงามในช่วงวัยเด็ก 20 ปีผ่านไป เขารู้สึกเสียดายที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันอาจจะบรรยายให้เห็นถึงความทรมานที่เขาต้องเผชิญในฐานะนักแสดงในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมากับวงการนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงซื่อสัตย์ เขามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการจัดคอนเสิร์ตเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา ในส่วนของอุปสรรคทางภาษา มีล่ามอยู่บนเวทีเพื่อช่วยเหลือเขาในการสื่อสารกับแฟนๆ การออกแบบทั้งหมดในคอนเสิร์ตล้วนเป็นความคิดของเขาด้วย ในความเห็นของผม ท่ามกลางนักแสดงมากมาย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีค่ามากๆ รอยยิ้มของเขายังคงเต็มไปด้วยความใสซื่อไร้เดียงสา!
4. คติพจน์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการเอาชนะตัวเอง
ผมคิดว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นการแสดงที่มีการวางแผนแบบองค์รวมมากที่สุด ด้านมืด ความชั่วร้าย และความปรารถนาของมนุษย์ถูกแสดงออกมาผ่านการเต้น ภาพแอนิเมชั่น ดนตรี และการใช้ภาพลักษณ์สีขาวและสีดำสะท้อนให้เห็นถึงด้านตรงข้ามกันของความเป็นมนุษย์ จางกึนซ็อกสีดำและจางกึนซ็อกสีขาวแสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งสองด้านของเขา จากภาพใน VTR เราจะเห็นเทพบุตรจางกึนซ็อกในชุดขาวเดินเข้าไปหากระจกวิเศษ ซึ่งภายในนั้นปรากฎภาพจางกึนซ็อกในชุดดำสะท้อนด้านมืดของตัวเขาเอง การแสดงของเขาเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ – ทั้งในยามดีและยามร้าย ตรงกลางของเวทีมีกระจกที่ดูซับซ้อนมากอันหนึ่ง ภายในนั้นมีภาพที่แตกต่างกันไป ทั้งแสงสีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทั้งเส้นคลื่นหลากหลายเส้น แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อแรงปรารถนาตามธรรมชาติของมนุษย์ ฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือตอนที่จางกึนซ็อกใส่ชุดสีดำและถูกจับแขวนอยู่ในที่สูง ขณะที่เขากำลังดิ้นรนอยู่กลางอากาศ เขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าใยแมงมุมสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ จากภาพใน VTR เราจะเห็นฉากที่จางกึนซ็อกในชุดสีขาวตกลงมาอยู่ใยแมงมุมขนาดใหญ่เหมือนกัน
ในความคิดของผม มันสามารถตีความได้สองแบบ ใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนา ช่องว่างของความปรารถนาถูกเติมเต็มด้วยความปรารถนา ความยุติธรรมและความเลวของมนุษย์ ด้านที่สวยงามของความเมตตาและด้านมืดของความชั่วร้าย อันเป็นจุดกำเนิดของเทพบุตรและปีศาจเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งเหล่านั้น ใยแมงมุมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแรงปรารถนาถูกต้านทานโดยเทพบุตร ในทางกลับกัน ปีศาจจะถูกดึงดูดเข้าไปในใยแมงมุม ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะไปรวมกันในช่องว่างสามมิติภายในร่างกายมนุษย์และเกิดการต่อสู้กัน ถ้าเทพบุตรชุดขาวชนะ มันก็จะถอยห่างออกจากใยแมงมุม แต่ถ้าปีศาจสามารถตอบโต้เทพบุตรได้ก็จะหาทางเข้าไปใกล้ใยแมงมุมได้ แต่เราจะไม่เห็นการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย เมื่อเทพบุตรแสดงพลังงานในด้านบวก พลังงานในด้านลบของปีศาจก็จะล่าถอยออกไป ซึ่งพลังงานจะเพิ่มกำลังขึ้นอย่างเป็นอิสระต่อกัน
การตีความอีกแบบหนึ่งสามารถอธิบายได้ว่าใยแมงมุมเป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยาน ร่างกายต้องการเข้าใกล้มันแต่ขึ้นอยู่กับเทพบุตรและปีศาจในตัวเรา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงแง่มุมทั้งด้านที่เป็นอุดมคติและความเป็นจริง ความสัมฤทธิ์ผลของอุดมคติขึ้นอยู่กับผลของการต่อสู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการตีความแบบไหน เราก็ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ เราจึงจะเป็นเจ้านายของตัวเอง!
ในฐานะไอดอลของคนวัยหนุ่มสาว ข้อความที่จางกึนซ็อกส่งถึงแฟนๆ ของเขาใน Cri Show ครั้งนี้คือการทำงานหนักและการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่ผมมีความกังวลบางอย่าง ในแง่ศิลปะ ทำให้เห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนซึ่งน่ากลัวและหดหู่ ผมเดาว่านั่นเป็นความจำเป็นในการแสดง ซึ่งผมเชื่อในความสามารถของแฟนคลับที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างพลังงานในด้านบวกและลบได้
เขาพูดถึงคอนเสิร์ต Cri Show ที่เซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ว่าเขาเป็นคนวางแผนงานด้วยตัวเอง ผมเข้าไปเสิร์ชดูใน google และพบว่าเขาได้รับรางวัลมามากมาย ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 เขาได้รับรางวัลพิเศษในงานเทศกาลหนังสั้นของญี่ปุ่น จางกึนซ็อกทำเองทั้งหมดตั้งแต่เขียนบท กำกับ ตัดต่อ และแสดงในหนังสั้น ความจริงที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนคือเขาทำงานหนักบนพื้นฐานของพรสวรรค์ในตัวเขา ผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ในอนาคต เขาจะมีการแสดงที่โดดเด่นมากกว่านี้และอุทิศตัวเองให้กับการทำงานทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องคอยติดตามสถิติแฟนคลับว่าจะทะลุ 10-20 ล้านคนหรือไม่ และคอนเสิร์ตครั้งต่อๆ ไปที่เขาจะลงมือควบคุมด้วยตัวเอง รวมถึงสถานะในการเป็น World Prince ด้วย!
5. ถ้ามียอด follower ทะลุ 20 ล้านคน ผมจะซื้อบ้านที่ประเทศจีน!
เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 Weibo ของจางกึนซ็อกทำลายสถิติมี follower ทั้งหมด 5 ล้านคน สถิตินี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ในฐานะนักแสดงต่างแดนในประเทศจีน จางกึนซ็อกกล่าว่า “ถ้ายอด follower ขยายไปถึง 10 ล้านคน ผมจะไปเต้น shuffle ที่กำแพงเมืองจีน และถ้าขยายไปถึง 20 ล้านคน ผมจะซื้อบ้านที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ผมสามารถพักอยู่ในจีนได้นานขึ้น!” คำพูดของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ของเขาเป็นอย่างมาก จางกึนซ็อกเริ่มอาชีพในปี 2001 เขาพูดในสิ่งที่เขารักจะพูด ซึ่งเขาก็อยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปีแล้ว และเขาก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยังคงทำงานหนัก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราเชื่อได้ว่าเขาจะได้รับผลตอบแทนสำหรับความพยายามของเขาอย่างแน่นอน
6. ทำงานอย่างหนักเพื่อเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?
ในตอนนี้เขาคือ Asia Prince ต่อไปจะกลายเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ? นี่คือจางกึนซ็อก “ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?” นี่คือมุมมองหนึ่งของชีวิต การทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและต่อสู้อย่างหนัก ถ้าเขาพยายามสุดความสามารถแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ แล้วไงล่ะ? สิ่งนี้ทำให้ผมคิดถึงคำพูดเก่าๆ ที่ว่า ความฝันที่ปราศจากการเย้ยหยันนั้นไม่ควรค่าแก่การจะทำให้สำเร็จ บางทีหลายๆ คนอาจคิดว่าจางกึนซ็อกคือตัวตลกที่อยากจะเป็น World Prince แล้วไงล่ะ?
7. สุดท้ายของท้ายที่สุด
ถ้าผมจำไม่ผิด ในช่วง “เพลงสุดท้าย” ของจางกึนซ็อกจบลงด้วยเพลง 4 เพลง เพลงสุดท้ายเขาเต้นไปกับทุกคนและบรรยากาศก็สนุกสุดยอด ช่างแตกต่างจากที่พวกเราไปยืนตะโกนอยู่ตรงมุมๆ แล้วส่งเสียงกรี๊ดเพื่อสร้างบรรยากาศ การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาอินไปกับบรรยากาศแห่งความสุขนี้อย่างไร และเหตุนี้สถานที่ทั้งหมดจึงดูมีชีวิตชีวา คุณจะถูกดึงดูดให้เข้าไปในสังเวียนแห่งความสุขโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! เขาเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ใส่ตัวเองเข้าไปในบรรยากาศบนเวทีอย่างเต็มที่ – ฉีดน้ำใส่ทุกคน บางทีก็โยนผ้าขนหนูที่ชุ่มเหงื่อของเขาไปให้ปลาไหล เดินไปทุกที่ของเวทีรูปตัว T คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อขอบคุณทุกคน นั่งบนลิฟท์ มอบความใกล้ชิดให้กับคนดู สลับไปมาระหว่างด้านที่ติ๊งต๊องและด้านที่อ่อนโยนของเขา เค้าโครงและเรื่องราวทั้งหมดซึ่งบางครั้งก็ใช้ต่างภาษาเพื่อสื่อสารกับทุกๆ คน และด้วยกำลังใจจากเสียงกรี๊ดของแฟนๆ เขาจึงออกมาบนเวทีและเริ่มแสดงอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกเตรียมมาอย่างตั้งใจหรือเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ในกรณีนี้ เขาสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
และนี่คือ Jank Keun Suk Cri Show II ผมรู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้มีโอกาสร่วมอยู่ในประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครั้งนี้ และได้เขียนถ่ายทอดความคิดของผมแชร์ให้กับปลาไหลทุกคน
3. คำแนะนำถึงจางกึนซ็อก
1. เรียนภาษาแมนดารินอย่างหนัก ร้องเพลงจีน
พูดตามตรงเลย ผมไม่ใช่ปลาไหล แต่เป็นเพราะงานของผมที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับจางกึนซ็อก มีหลายเพลงในคอนเสิร์ตที่ผมไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผมชื่นชมเพลงเหล่านั้นเพราะท่วงทำนอง ผมรู้สึกว่าหลายเพลงในคอนเสิร์ตนี้ไม่เหมาะที่จะสร้างความตื่นเต้น เพลงส่วนใหญ่นั้นมาจากละคร ผมได้ทำการสัมภาษณ์มาบ้างและดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักเพลงที่เขาร้อง จากที่ผมรู้มา จางกึนซ็อกปล่อยอัลบั้มแรกของตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 และในวันเดียวกันนั้นก็สามารถขึ้นไปอยู่อันดับสูงสุดของ Oricon Chart และทำลายสถิติของเอเชีย ผมเลยอยากจะเห็นผลงานและเพลงที่เป็นภาษาจีนซึ่งสามารถร้องตามได้อย่างเพลงคลาสสิคเหมือนที่ผมชอบ
2. ฝึกจังหวะการเต้น เต้นให้ดีขึ้นในอนาคต
จากที่ผมเห็นในคอนเสิร์ตสดครั้งนี้ จังหวะการเต้นของจางกึนซ็อกดูไม่ค่อยถูกหลักและธรรมดามาก ผมจึงอยากแนะนำให้เขาเรียนเต้นจากครูสอนเต้นเพื่อฝึกฝนจังหวะการเต้นที่เหมาะสมกับเขามากกว่านี้ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าปลาไหล และเป็นรางวัลให้กับปลาไหลของเขาเช่นเดียวกับการไล่ตามความฝันของเขาในวงการเพลง
3. ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ตอนนี้ผอมเกินไป
เท่าที่ผมสังเกตเห็น ขาของเขามีขนาดเล็กมากๆๆๆๆ ความผอมมากๆ แบบนี้ไม่สมส่วนกับความสูงของเขาเลย จากข้อมูลประวัติส่วนตัวของเขาใน Baidu เขาสูง 180 ซม. หนัก 63 กก. เห็นได้ชัดเลยว่าเขาผอมเอามากๆ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตแบบใกล้ๆ เขาดูไม่เหมือนคนสูงถึง 180 ซม. เลยนะ
4. ซื่อสัตย์กับตัวเองต่อไป
ผมจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเขามากเกินไปโดยปราศจากข้อเท็จจริง พูดตามตรงเลยนะ ผมยังไม่เคยดูผลงานของเขาอีกหลายชิ้น ผมเคยดูแค่ “You are beautiful” และ “Baby and I” แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสนับสนุนเขา เขาเกิดในปี 1987 Han Han [Kate’note: นักแข่งรถ นักเขียน และนักร้อง] เกิดปี 1982 Liu Xiang [Kate’s note: นักกรีฑาโอลิมปิก] เกิดปี 1983 เหล่านี้คือคนที่ประสบความสำเร็จในช่วงวัยเดียวกัน ผมชื่นชมพวกเขาในขณะเดียวกันก็ซึมซับพลังบวกจากพวกเขาเพื่อให้ตัวเองก้าวย่างสู่ความสำเร็จ มาคิดๆ ดูแล้ว คนที่ผมชอบดูเหมือนจะมีคุณลักษณะเหมือนๆ กันเลยนะ!
5. ก้าวไปข้างหน้าต่อไป
อย่าปล่อยให้พรสวรรค์ของคุณถูกระบายทิ้งไปเฉยๆ สู้ๆ! ยังมีช่องทางอีกเยอะสำหรับการพัฒนาตัวเอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หนทางข้างหน้าอาจจะยากลำบาก ดังนั้นต้องทำงานหนักต่อไปนะ!
เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 Weibo ของจางกึนซ็อกทำลายสถิติมี follower ทั้งหมด 5 ล้านคน สถิตินี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ในฐานะนักแสดงต่างแดนในประเทศจีน จางกึนซ็อกกล่าว่า “ถ้ายอด follower ขยายไปถึง 10 ล้านคน ผมจะไปเต้น shuffle ที่กำแพงเมืองจีน และถ้าขยายไปถึง 20 ล้านคน ผมจะซื้อบ้านที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ผมสามารถพักอยู่ในจีนได้นานขึ้น!” คำพูดของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ของเขาเป็นอย่างมาก จางกึนซ็อกเริ่มอาชีพในปี 2001 เขาพูดในสิ่งที่เขารักจะพูด ซึ่งเขาก็อยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปีแล้ว และเขาก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยังคงทำงานหนัก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราเชื่อได้ว่าเขาจะได้รับผลตอบแทนสำหรับความพยายามของเขาอย่างแน่นอน
6. ทำงานอย่างหนักเพื่อเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?
ในตอนนี้เขาคือ Asia Prince ต่อไปจะกลายเป็น World Prince ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ? นี่คือจางกึนซ็อก “ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วไงล่ะ?” นี่คือมุมมองหนึ่งของชีวิต การทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและต่อสู้อย่างหนัก ถ้าเขาพยายามสุดความสามารถแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ แล้วไงล่ะ? สิ่งนี้ทำให้ผมคิดถึงคำพูดเก่าๆ ที่ว่า ความฝันที่ปราศจากการเย้ยหยันนั้นไม่ควรค่าแก่การจะทำให้สำเร็จ บางทีหลายๆ คนอาจคิดว่าจางกึนซ็อกคือตัวตลกที่อยากจะเป็น World Prince แล้วไงล่ะ?
7. สุดท้ายของท้ายที่สุด
ถ้าผมจำไม่ผิด ในช่วง “เพลงสุดท้าย” ของจางกึนซ็อกจบลงด้วยเพลง 4 เพลง เพลงสุดท้ายเขาเต้นไปกับทุกคนและบรรยากาศก็สนุกสุดยอด ช่างแตกต่างจากที่พวกเราไปยืนตะโกนอยู่ตรงมุมๆ แล้วส่งเสียงกรี๊ดเพื่อสร้างบรรยากาศ การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาอินไปกับบรรยากาศแห่งความสุขนี้อย่างไร และเหตุนี้สถานที่ทั้งหมดจึงดูมีชีวิตชีวา คุณจะถูกดึงดูดให้เข้าไปในสังเวียนแห่งความสุขโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! เขาเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ใส่ตัวเองเข้าไปในบรรยากาศบนเวทีอย่างเต็มที่ – ฉีดน้ำใส่ทุกคน บางทีก็โยนผ้าขนหนูที่ชุ่มเหงื่อของเขาไปให้ปลาไหล เดินไปทุกที่ของเวทีรูปตัว T คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อขอบคุณทุกคน นั่งบนลิฟท์ มอบความใกล้ชิดให้กับคนดู สลับไปมาระหว่างด้านที่ติ๊งต๊องและด้านที่อ่อนโยนของเขา เค้าโครงและเรื่องราวทั้งหมดซึ่งบางครั้งก็ใช้ต่างภาษาเพื่อสื่อสารกับทุกๆ คน และด้วยกำลังใจจากเสียงกรี๊ดของแฟนๆ เขาจึงออกมาบนเวทีและเริ่มแสดงอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกเตรียมมาอย่างตั้งใจหรือเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ในกรณีนี้ เขาสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
และนี่คือ Jank Keun Suk Cri Show II ผมรู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้มีโอกาสร่วมอยู่ในประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครั้งนี้ และได้เขียนถ่ายทอดความคิดของผมแชร์ให้กับปลาไหลทุกคน
3. คำแนะนำถึงจางกึนซ็อก
1. เรียนภาษาแมนดารินอย่างหนัก ร้องเพลงจีน
พูดตามตรงเลย ผมไม่ใช่ปลาไหล แต่เป็นเพราะงานของผมที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับจางกึนซ็อก มีหลายเพลงในคอนเสิร์ตที่ผมไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผมชื่นชมเพลงเหล่านั้นเพราะท่วงทำนอง ผมรู้สึกว่าหลายเพลงในคอนเสิร์ตนี้ไม่เหมาะที่จะสร้างความตื่นเต้น เพลงส่วนใหญ่นั้นมาจากละคร ผมได้ทำการสัมภาษณ์มาบ้างและดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักเพลงที่เขาร้อง จากที่ผมรู้มา จางกึนซ็อกปล่อยอัลบั้มแรกของตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 และในวันเดียวกันนั้นก็สามารถขึ้นไปอยู่อันดับสูงสุดของ Oricon Chart และทำลายสถิติของเอเชีย ผมเลยอยากจะเห็นผลงานและเพลงที่เป็นภาษาจีนซึ่งสามารถร้องตามได้อย่างเพลงคลาสสิคเหมือนที่ผมชอบ
2. ฝึกจังหวะการเต้น เต้นให้ดีขึ้นในอนาคต
จากที่ผมเห็นในคอนเสิร์ตสดครั้งนี้ จังหวะการเต้นของจางกึนซ็อกดูไม่ค่อยถูกหลักและธรรมดามาก ผมจึงอยากแนะนำให้เขาเรียนเต้นจากครูสอนเต้นเพื่อฝึกฝนจังหวะการเต้นที่เหมาะสมกับเขามากกว่านี้ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าปลาไหล และเป็นรางวัลให้กับปลาไหลของเขาเช่นเดียวกับการไล่ตามความฝันของเขาในวงการเพลง
3. ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ตอนนี้ผอมเกินไป
เท่าที่ผมสังเกตเห็น ขาของเขามีขนาดเล็กมากๆๆๆๆ ความผอมมากๆ แบบนี้ไม่สมส่วนกับความสูงของเขาเลย จากข้อมูลประวัติส่วนตัวของเขาใน Baidu เขาสูง 180 ซม. หนัก 63 กก. เห็นได้ชัดเลยว่าเขาผอมเอามากๆ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตแบบใกล้ๆ เขาดูไม่เหมือนคนสูงถึง 180 ซม. เลยนะ
4. ซื่อสัตย์กับตัวเองต่อไป
ผมจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเขามากเกินไปโดยปราศจากข้อเท็จจริง พูดตามตรงเลยนะ ผมยังไม่เคยดูผลงานของเขาอีกหลายชิ้น ผมเคยดูแค่ “You are beautiful” และ “Baby and I” แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสนับสนุนเขา เขาเกิดในปี 1987 Han Han [Kate’note: นักแข่งรถ นักเขียน และนักร้อง] เกิดปี 1982 Liu Xiang [Kate’s note: นักกรีฑาโอลิมปิก] เกิดปี 1983 เหล่านี้คือคนที่ประสบความสำเร็จในช่วงวัยเดียวกัน ผมชื่นชมพวกเขาในขณะเดียวกันก็ซึมซับพลังบวกจากพวกเขาเพื่อให้ตัวเองก้าวย่างสู่ความสำเร็จ มาคิดๆ ดูแล้ว คนที่ผมชอบดูเหมือนจะมีคุณลักษณะเหมือนๆ กันเลยนะ!
5. ก้าวไปข้างหน้าต่อไป
อย่าปล่อยให้พรสวรรค์ของคุณถูกระบายทิ้งไปเฉยๆ สู้ๆ! ยังมีช่องทางอีกเยอะสำหรับการพัฒนาตัวเอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หนทางข้างหน้าอาจจะยากลำบาก ดังนั้นต้องทำงานหนักต่อไปนะ!
4. โฆษณา
1. ผมรักจางกึนซ็อก ผมรักน้ำส้ม Tong Yi !
2. น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!
3. ทุกครั้งที่ผมดื่มน้ำส้ม Tong Yi ผมจะคิดถึงจางกึนซ็อก!
4. ทุกครั้งที่ผมคิดถึงจางกึนซ็อก ผมจะดื่มน้ำส้ม Tong Yi !
5. เว็บไซต์ Weibo ของ Tong Yi http://e.weibo.com/t...chengduo?type=0
ปลาไหลที่รัก ได้เวลาไปสอบแล้ว! O(∩_∩)O ฮ่า ฮ่า~
1. ผมรักจางกึนซ็อก ผมรักน้ำส้ม Tong Yi !
2. น้ำส้ม Tong Yi วิตามินซีมาก ยิ่งสวยมาก!
3. ทุกครั้งที่ผมดื่มน้ำส้ม Tong Yi ผมจะคิดถึงจางกึนซ็อก!
4. ทุกครั้งที่ผมคิดถึงจางกึนซ็อก ผมจะดื่มน้ำส้ม Tong Yi !
5. เว็บไซต์ Weibo ของ Tong Yi http://e.weibo.com/t...chengduo?type=0
ปลาไหลที่รัก ได้เวลาไปสอบแล้ว! O(∩_∩)O ฮ่า ฮ่า~
หมายเหตุ: คนที่อยากจะรู้จักจางกึนซ็อกให้มากขึ้นควรต้องอ่านบทความนี้ บุคคลที่เขียนบทความนี้ไม่ได้เป็นปลาไหล (แฟนคลับจางกึนซ็อก) และเขาก็เป็นผู้ชาย ความคิดเห็นของเขาค่อนข้างเป็นกลางในสายตาของคนที่มองจางกึนซ็อก ต้องขอขอบคุณ Wendy Yeo ที่แปลบทความดีๆ นี้ให้พวกเราได้อ่านกัน
Original article: http://blog.sina.com...d301011wiz.html
English Translation: Wendy Yeo in ECI
Thai Translation: @tikka0126+ Kate K-Gang
No comments:
Post a Comment